ผมได้คุยกับเด็กคนหนึ่ง เขาบอกว่าเพิ่งไปทะเลาะกับครูที่โรงเรียนมา เพราะไปบอกโรงเรียนว่าอยากเรียนวิชา Further Mathematics ต่อตอน A-level เพราะว่าตั้งใจจะสมัครเข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ ที่อังกฤษในด้าน Engineering ซึ่งวิชา Further Mathematics เป็นสิ่งที่จำเป็น

ครูที่โรงเรียนบอกเด็กคนนั้นว่า

“ตามกติกาของโรงเรียนแล้ว ถ้าคุณได้เกรด IGCSE ในวิชา Mathematics ไม่ถึง A* คุณจะไม่สามารถเรียน Further Mathematics ใน A-level ได้”

เด็กคนดังกล่าวเล่าให้ฟังว่า เขารู้และเข้าใจกติกาข้อนี้ของโรงเรียนดี ตอนสอบ IGCSE ก็ได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่เกรดที่ได้ออกมาคือ A เลยไม่ผ่านเกณฑ์ตามกติกาที่โรงเรียนตั้งไว้ อย่างไรก็ดี เด็กคนนี้ได้พยายามขอโอกาสกับครู เช่น ขอไปเตรียมตัวเพิ่มเติมมา 1 เดือนแล้วขอลองให้ครูออกข้อสอบเพื่อวัดผล ถ้าวัดผลแล้วมีความสามารถพอ ก็จะขอให้ได้เรียน Further Mathematics ใน A-level อย่างที่ต้องการ ซึ่งคุณครูก็บอกว่า

“จริง ๆ แล้วผมจะออกข้อสอบให้คุณลองทำเพื่อวัดผลก็ย่อมได้ แต่ผมมั่นใจว่าคุณจะทำไม่ได้หรอก จากประสบการณ์การสอนกว่า 20 ปีของผม เพราะฉะนั้น ผมจะไม่ให้คุณทำข้อสอบ และยังไงผมก็อนุมัติให้คุณเรียน Further Mathematics ใน A-level ไม่ได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”

คุณพ่อคุณแม่อ่านแบบนี้แล้วรู้สึกอย่างไรครับ ?

นี่ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่ผมและทีมงานเคยได้ยินได้ฟังมา เหตุการณ์คล้าย ๆ กันนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เป็นเหตุการณ์ที่ครูและโรงเรียนไม่ได้ให้โอกาสเด็กในการพิสูจน์ตัวเอง โดยอ้างจากประสบการณ์ของตัวเองบ้าง ยึดตามกฎระเบียบบางอย่างบ้าง ซึ่งหากจะมองกันจริง ๆ กรณีที่ยกตัวอย่างข้างต้นนี้ เหตุผลของเด็กนั้นเพียงพอ เพราะมหาวิทยาลัยดี ๆ ในอังกฤษที่เป็นด้าน Engineering นั้น การไม่ได้เรียน Further Mathematicsใน A-level จะลดโอกาสในการสอบติดของเด็กเป็นอย่างมาก

เชื่อไหมครับ พอเด็กท้วงประเด็นนี้ ครูที่โรงเรียนตอบกลับมาว่าอย่างนี้

“งั้นคุณก็สมัครมหาวิทยาลัยที่ไม่ต้องดีมากก็ได้ เรียนที่ไหนก็เหมือนกัน ที่ไหนไม่ต้องใช้ Further Mathematics ใน A-level คุณก็เลือกที่นั่นนั่นแหละ”

คำถามของผมคือ โรงเรียนที่ดี ครูที่ดี จะพูดแบบนี้กับเด็กไหม ? นอกจากจะไม่ส่งเสริมแล้ว ยังไม่ให้กำลังใจ ที่ผ่านมามีเด็กสักกี่คนที่เจอคำพูดแบบนี้จากครูและโรงเรียนไปแล้ว ก็หยุดความฝันและความมุ่งมั่นของตัวเองไป ผมบอกได้เลยครับว่ามีเยอะมาก หลาย ๆ ครอบครัวที่พาลูกเข้ามาคุยกัน เด็กโดนโรงเรียนทำลายมาเรียบร้อยแล้วจากคำพูดที่ไม่รับผิดชอบ และพฤติกรรมดูถูกเด็กและไม่ให้โอกาสเด็กนี่แหละ นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องตรวจสอบนะครับ

หรืออย่างเด็กอีกคนหนึ่ง กำลังจะเลือกวิชาเรียนในระดับ IGCSE ครูที่โรงเรียนเรียกเด็กและผู้ปกครองไปคุยแล้วบอกว่า

“ที่ผ่านมาหลาย ๆ ปี ลูกคุณพ่อคุณแม่เรียนได้เกรดไม่เคยสูงกว่า C เลย ผมว่าถ้าให้เรียน IGCSE สัก 9 วิชาเท่าเพื่อน ๆ น่าจะไม่ไหว ผมเลยจะเสนอว่าให้เขาเรียนแค่ 6 วิชาจะดีกว่าครับ เอาอะไรก็ได้ง่าย ๆ ให้เขาเรียนจบ ๆ ไป”

นี่คือคำพูดที่เกิดขึ้นจริง ผมขอถามว่า คุณพ่อคุณแม่รู้สึกอย่างไรครับ ? กรณีแบบนี้คือครูและโรงเรียนเห็นใจลูกของเราจริง ๆ หรือเขากำลังดูถูกลูกของเราแล้วพยายามกดลูกของเราลงต่ำกันแน่ พูดออกมาได้อย่างไรว่าให้เขาเรียนให้จบ ๆ ไป

สิ่งที่ผมสงสัยอย่างหนึ่งในกรณีหลังนี้ก็คือ ทำไมโรงเรียนถึงปล่อยให้เด็กสอบได้เกรดเท่านี้มาหลายปี และไม่มีวิธีที่จะทำให้ดีขึ้น ถ้าเป็นหลาย ๆ โรงเรียนที่ดี ๆ ในประเทศอังกฤษ เวลาเด็กตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ครูที่โรงเรียนต้องรีบประกบ หาสาเหตุให้เจอแล้วหาทางพัฒนาเด็กให้กลับมาเรียนทันเพื่อนให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งคุยกันแบบเปิดใจ หรือจัดเรียนเพิ่มแบบตัวต่อตัวให้ก็ตาม แต่นี่ดูเหมือนกับว่าครูและโรงเรียนปล่อยให้ปัญหาที่เด็กเกรดไม่ดี เป็นเรื่องที่เด็กและพ่อแม่ต้องไปจัดการเอง และถ้าไม่มีอะไรดีขึ้นก็ปล่อยไว้อย่างนี้

ถ้าโรงเรียนดีจริง เขาจะปล่อยให้ลูกของคุณพ่อคุณแม่เกรดแบบนี้ เรียนไม่รู้เรื่องอยู่แบบนี้ โดยจัดการอะไรไม่ได้เลยสักนิด จริงเหรอครับ ?

หรือต่อให้เด็กเกรดแย่มาตลอด การบอกเด็กว่าคุณด้อยกว่าเพื่อนนะ คุณเรียน 6 วิชาพอนะ แล้วปล่อยเพื่อนที่เขาดีกว่าเรียน 9 วิชาไป ถามว่าลึก ๆ แล้วเด็กจะรู้สึกอย่างไร บางครอบครัวเคยบอกผมว่า แบบนี้ลูกก็น่าจะถูกใจเลย เพราะว่าเป็นคนขี้เกียจอยู่แล้ว ผมบอกเลยว่าความคิดแบบนี้นี่แหละที่จะทำให้ลูกเสียหายไปเรื่อย ๆ

เพราะอย่างแรก เด็กจะเชื่อแล้วว่าตัวเองไม่ต้องทำงานหนักก็ได้ แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ เด็กจะเชื่อแล้วว่าตัวเองไม่ดีจริง ตัวเองไม่เก่งจริง ตัวเองไม่มีความสามารถเท่าเพื่อน ๆ จริง ๆ และความเชื่อฝังใจแบบนี้ จะหยุดเขาจากความพยายาม จะหยุดเขาจากการลงมือทำ จะหยุดเขาไม่ให้เรียนรู้ และนั่นคือความเสียหายที่แท้จริงและแก้ยากมาก ๆ ครับ

ผมจะบอกคุณพ่อคุณแม่ทุกบ้านเสมอว่า ถ้าโรงเรียนเสนอทางเลือกแบบนี้ให้กับลูก คือให้เรียนน้อยกว่าเพื่อน คุณพ่อคุณแม่ต้องสู้ ถ้าสู้แล้วโรงเรียนยืนยันที่จะไม่ให้ ผมบอกเลยว่าสุดโต่งที่ต้องทำคือต้องลาออก เพราะเราปล่อยเด็กคนหนึ่งให้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่กดขี่และดูถูกเขาแบบนี้ไม่ได้หรอกครับ

ไม่มีเด็กคนไหนโง่ ไม่มีเด็กคนไหนไม่ฉลาด ทุกคนมีจุดเด่น มีข้อดีของตัวเอง โรงเรียนและครูมีหน้าที่หาสิ่งนั้นให้เจอแล้วช่วยกันพัฒนา ไม่ใช่เน้นเอาตัวเองทำงานง่ายโดยการบอกเด็กว่าไม่ต้องพยายาม โดยการบอกเด็กว่าไม่ต้องสู้ แล้วก็ปล่อยชีวิตเด็กไปตามยถากรรมแบบนี้

ยังมีอีกหลายอย่าง ที่เวลาครูและโรงเรียนนำเสนอมาให้แล้วคุณพ่อคุณแม่ต้องกรองดี ๆ ว่ามันคือความหวังดี หรือจริง ๆ แล้วมันคือความประสงค์ร้ายแบบขาดความรับผิดชอบ ยกตัวอย่างเช่น

  • อย่าเรียนวิชานี้เลยครับมันยากเกินไป เรียนวิชานี้ดีกว่า (ทั้ง ๆ ที่วิชาที่เด็กจะเลือก เด็กอยากเรียนมากกว่าและมีความจำเป็นมากกว่า)
  • อย่าเรียนเป็น Extended เลยครับ เรียนเป็น Core ดีกว่า ง่ายกว่า (Extended มีโอกาสได้ A* แต่สอบ Core ทำดีแค่ไหนก็ได้สูงสุดแค่ C)
  • ไม่ต้องตั้งใจมากหรอกครับ เข้ามหาวิทยาลัยไหนก็ได้ (อันนี้คือไร้ความรับผิดชอบมาก ๆ ที่ถูกคือต้องส่งเสริมเด็กให้ทำให้ดีที่สุด ไม่ใช่มาบอกเด็กว่าให้ยอมแพ้แบบนี้)
  • เกรดไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง ได้เท่าไรก็ได้ (แม้เกรดจะไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่การไม่ส่งเสริมให้เด็กทำให้เต็มที่ การไม่สอนให้เด็กรู้จักหน้าที่ คือการสอนให้เด็กไม่รับผิดชอบต่อชีวิตตัวเอง เป็น mindset ที่อันตรายเป็นอย่างมาก)
  • คุณทำไม่ได้หรอก (คนทำไม่ได้ ไม่มีครับ การดูถูกเด็กในระดับนี้ ถือว่าขาดความเป็นครูเป็นอย่างยิ่ง เพราะครูมีหน้าที่ในการพัฒนาเด็กให้ไปถึงศักยภาพสูงสุดที่เขาควรจะเป็น)

ทั้งหมดนี้เป็นแค่ตัวอย่างครับ แต่ผมบอกคุณพ่อคุณแม่ไว้ตรงนี้ว่า โรงเรียนที่ดีจะไม่ทำแบบนี้กับลูกของเรา เขาจะไม่กดเราให้ต่ำ จะไม่ดูถูก จะไม่มาอวดอ้างประสบการณ์การทำงานของตัวเองแล้วเชื่อแบบไม่เปลี่ยนว่าลูกของเราจะทำไม่ได้ โรงเรียนที่ดีและครูที่ดีจะให้โอกาสเด็ก จะส่งเสริม จะสนับสนุน ให้เด็กไปถึงเป้าหมายสูงสุดที่เด็กต้องการจะไปถึงให้ได้

คุณพ่อคุณแม่ลองพิจารณาดูนะครับ ว่าลูกของเรากำลังเติบโตในที่ที่ส่งเสริมให้เขาเติบโตได้อย่างแท้จริงหรือไม่ หรือแค่ทำให้เรารู้สึกด้อยค่าไปเรื่อย ๆ ไปวัน ๆ ฝากพิจารณาครับ