สิงหาคม 2564
ณ เวลานี้เชื่อว่า นักเรียนทุกคนในประเทศต้องมีประสบการณ์กับการเรียน online แล้วไม่มากก็น้อย
การเรียน online ที่หลายคนคงคิดไปแล้วว่า
นี่มันคือ new normal ที่เด็กๆทุกคนควรจะปรับตัวให้ได้กับการเรียนรู้แบบใหม่นี้

ซึ่งผมก็คงจะเห็นด้วย ถ้าเหตุการณ์ไม่ได้ล่วงเลยมานานขนาดนี้
ก่อนอื่น เราคงต้องยอมรับความจริงอย่างนึงก่อนว่า
การเรียน online นั้นไม่ได้เหมาะกับทุกคน
ข้อจำกัดที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย ทั้งบรรยากาศในการเรียน
สไตล์การเรียนรู้ของนักเรียน ประสบการณ์ในการสอนonline ของครูผู้สอน
หรือแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆอย่างคุณภาพสัญญาณ Wi-fi

สำหรับเด็กบางคน การเรียน online ไปนานๆยิ่งปรับตัวได้ดี เรียนรู้ได้มากขึ้น
แต่กับเด็กบางคน กลายเป็นความเครียดสะสม จนถึงขั้นหมดใจกับการเรียนไปเลย

ในกรณีหลัง สถานการณ์ตอนนี้นี่ผมไม่โทษว่าเป็นความผิดของเด็กเลยครับ

นักเรียนหลายคนไม่ชอบเป็นจุดสนใจ ปกติก็ตั้งใจเรียนอยู่เงียบๆคนเดียวในห้อง
พอการเรียนเปลี่ยนไปเป็นแบบ online ประสิทธิภาพในการสอนลดลง
น้องไม่กล้ายกมือถาม ซ้ำร้าย ครูกลับสนใจนักเรียนคนเดิมๆในห้องอยู่ไม่กี่คน
เวลาผ่านไปเป็นวัน เป็นเทอม เป็นปี นอกจากเนื้อหาที่หายไป
สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ

ความหวังในการเรียนของตัวน้องเองก็หายไปด้วยแล้ว

นักเรียนบางคนชอบทำกิจกรรม ชอบเล่นกีฬา
กลับต้องมาใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเรียนกับหน้าจอทั้งวัน
ออกไปทำกิจกรรมเพื่อผ่อนคลายเพื่อคลายเครียดไม่ได้เหมือนเดิม
แถมหน้าจอที่ใช้เรียนยังเต็มไปด้วยสิ่งที่พร้อมจะดูดความสนใจของเขา
เพียงแค่เขาสลับหน้าต่าง
โลกแห่งความบันเทิงทั้งหมดก็พร้อมจะดึงสมาธิเขาออกไปได้ทันที

นักเรียนในยุคนี้น่าเห็นใจจริงๆครับ

แล้วเราจะพอทำอะไรได้บ้าง?

อย่างแรกคือ อย่าเพิ่งหมดหวังครับ
ผมบอกกับคุณพ่อคุณแม่ที่มาปรึกษาเสมอว่า
การเรียนไม่เข้าใจในห้องนั้นเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติ
ตราบใดที่น้องรู้สึกว่าการที่เขาไม่เข้าใจ มันเป็นปัญหา เขาตัองแก้ไข
อันนั้นคือติดกระดุมเม็ดแรกถูกแล้วครับ
ทีนี้จะแก้ปัญหานั้นอย่างไร จะอ่านหนังสือเพิ่มเติม
หาความรู้เองใน internet ที่มีอยู่มากมาย เป็นการฝึก self study ไปด้วย
พอหาศึกษาเองแล้วพบข้อสงสัย อาจจะค่อยมองหาการเรียนพิเศษ
ซึ่งในช่วงที่เรียน online เป็นหลักนี้ มีอย่างนึงที่น่าสนใจคือ
การเรียนแบบ 1 on 1 แม้จะเป็น online ยังสามารถที่จะทำให้ผู้เรียนโฟกัสได้อยู่
อย่างน้อยก็ดีกว่า online เป็น class แน่นอนครับ

ความสำคัญอีกอย่างที่อยากฝากคุณพ่อแม่คือ Empathy ครับ

อย่างที่ผมพูดถึงความยากลำบากที่นักเรียนในยุคนี้ที่กำลังพบเจอ
การผลักดันเขายังมีความจำเป็น แต่ก็ควรมาพร้อมความเข้าใจพวกเขาด้วยนะครับ

แต่หากพบว่าการเรียน Online ได้ทำร้ายการเรียนรู้ของเรามานานไปแล้ว
ความเข้าใจนั้นตามเนื้อหาในห้องเรียนอยู่อีกแสนไกล
หรือการสอบสำคัญกำลังใกล้เข้ามา แต่รู้ตัวว่าไม่น่าจะทำได้เท่าที่หวังไว้
แม้กระทั่งรอผลที่สอบไปแล้ว และรู้ว่าควรจะทำได้ดีกว่านี้
อยากจะให้โอกาสตัวเองอีกครั้ง เพื่อให้ทำได้ดีกว่าเดิม
มาตั้งความหวังกันใหม่แล้วนัดเข้ามาคุยกันครับ