ปกติถ้าเจอครูสอนไม่ดี สอนไม่เก่ง สอนไม่เข้าใจ แล้วลูก ๆ มาบ่นให้ฟัง คุณพ่อคุณแม่ทำอย่างไรครับ ?
ผมเพิ่งได้คุยกับครอบครัวหนึ่ง เขาบอกผมว่าเขาไม่คิดเลยว่าการย้ายลูกจากโรงเรียนหลักสูตรไทย มาเข้าเรียนอินเตอร์ จะกลายเป็นหนีเสือปะจระเข้ เขานึกว่าย้ายมาเรียนอินเตอร์แล้วครูจะต้องดีแน่ ๆ เพราะเป็นชาวต่างชาติ น่าจะได้มาตรฐาน ผมได้แต่ยิ้มแล้วก็ตอบไปว่า ตอนนี้สิ่งที่ต้องคิดมากกว่าคือแล้วจะทำอย่างไรต่อไปครับ
สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรจะสอนเด็ก ๆ อยู่เสมอคือ เวลาเจอปัญหาหรือสถานการณ์บางอย่างที่เลวร้าย โจทย์ที่สำคัญที่สุดที่ต้องตอบให้ได้ก็คือ แล้วเราจะเอาตัวรอดได้อย่างไร อย่างเช่นในกรณีนี้ ถ้าเจอครูสอนไม่ดี แล้วเราจะเอาตัวรอดได้อย่างไร จะยังเรียนรู้เรื่องได้อย่างไร
มี 3 ทางคร่าว ๆ ที่สามารถทำได้ครับ
ทางแรก อ่านเอง เรียนเอง ดูแลตัวเอง ฝึกฝนตัวเอง
ผมชื่นใจว่า มีเด็ก ๆ หลายคนที่ตกอยู่สถานการณ์ที่ครูสอนไม่ดี แล้วแก้ปัญหาด้วยการอ่านหนังสือเอง ตรงไหนไม่เข้าใจ ก็ลองกลับไปอ่านเองซ้ำ ๆ ลองเอาโจทย์มานั่งทำ ลองเอาแบบฝึกหัดมานั่งฝึกฝน โชคดีอย่างหนึ่งของการเรียนอินเตอร์ระบบอังกฤษคือหลักสูตรถูกวางเอาไว้อย่างชัดเจน ว่าแต่ละวิชาในแต่ละระดับ เราต้องรู้อะไรมากแค่ไหน แบบฝึกหัด โจทย์ หรือ ข้อสอบเก่า ก็มีแนวทางวิธีการตอบที่ชัดเจน สามารถเรียนรู้และศึกษาด้วยตัวเองได้ไม่ยากนัก
มีเด็กคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า บางวิชาที่โรงเรียนของเขา ครูเข้ามาในห้องเรียนแล้วก็บอกว่า หัวข้อนี้ไม่สอนนะ อ่านเองไปเลย แล้วครูก็นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ ก็กลายเป็นว่าเพื่อนคนอื่นก็นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ นั่งเล่นเกมไป แต่เขาก็เลยหยิบเนื้อหาที่น่าจะต้องได้เรียนในวันนั้นมานั่งอ่านนั่งทำความเข้าใจ เขาบอกว่าเอาจริง ๆ ถ้าตั้งใจอ่านเองจริง ๆ มันก็ไม่ได้ยากเลยที่จะเข้าใจ ติดตรงไหนก็ search หาคำอธิบายเพิ่มเติมใน internet ได้ กลายเป็นว่าพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ครูไม่สอน ก็ถือโอกาสเรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นการพัฒนาตนเองไปเลย
การที่เด็ก ๆ สามารถอ่านหนังสือเองได้ เรียนหนังสือเองได้ แม้ครูจะไม่สอน หรือสอนไม่ดี นี่คือการฝึกทักษะการดูแลตัวเอง เป็นการพัฒนาตัวเองในรูปแบบหนึ่ง แถมนี่ยังเป็นทักษะที่มหาวิทยาลัยในอังกฤษคาดหวังจะให้เด็ก ๆ ต้องทำได้อีกด้วย และเท่าที่ผมเห็นมาเด็กที่สามารถทำแบบนี้ได้นี่แหละครับ ที่เอาตัวรอดในวันข้างหน้าได้จริง ๆ เพราะเขาจะไม่มานั่งตีโพยตีพายเลยว่าสถานการณ์ สิ่งแวดล้อม หรืออะไรต่าง ๆ รอบตัวเขามันแย่แค่ไหน เขามีหน้าที่แค่ต้องเอาตัวรอดให้ได้แค่นั้นเอง
ทางที่สอง หาคนช่วย
อีกทางหนึ่งที่เป็นที่นิยมมาก ๆ ก็คือ ในเมื่อครูสอนไม่ดี ก็ต้องหาคนช่วย ซึ่งก็หมายถึง การเรียนพิเศษนั่นเอง ปัจจุบันนี้การเรียนพิเศษสามารถทำได้ในหลายรูปแบบมาก ๆ เช่นการมานั่งเรียนกับครูผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้เรื่องหลักสูตรเป็นอย่างดีแบบเป็นกลุ่ม หรือ แบบตัวต่อตัว หรือการเข้าไปหาเรียนในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็สามารถหาเรียนได้อย่างสะดวกมากขึ้น มีทั้งแบบที่เรียนฟรี หรือ เสียค่าคอร์สในการเรียน
อย่างไรก็ดี สิ่งที่เด็ก ๆ และคุณพ่อคุณแม่จะต้องคอยตรวจสอบก็คือ ตัวช่วยที่ว่านี้มีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหน เพราะฉะนั้นการเข้าใจหลักสูตรการเรียนการสอนด้วยตัวเองก่อนก็เป็นเรื่องจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง ส่วนตัวแล้วผมอยากให้มองว่าตัวเลือกของการเรียนพิเศษนั้นคือตัวช่วยเสริมเท่านั้น สำหรับเรื่องเรียนนั้น หน้าที่หลักยังคงเป็นของเด็ก ๆ อยู่ดี เพราะฉะนั้นดีที่สุดคือ ถ้าเด็ก ๆ สามารถที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเองได้อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น แล้วใช้การเรียนพิเศษเป็นตัวช่วยเสริม นั่นคือวิธีที่ดีที่สุด
ในทางตรงข้าม เด็ก ๆ ที่พึ่งพาการเรียนพิเศษมากเกินไป แล้วดูแลตัวเองไม่ได้ อ่านหนังสือเองไม่ได้ ค้นคว้าเพิ่มด้วยตนเองไม่ได้ แล้วรอการป้อนจากครูสอนพิเศษเพียงอย่างเดียว นั่นจะกลายเป็นดาบสองคม เขาอาจจะสอบได้คะแนนดีในวันนี้ แต่ในวันที่อะไร ๆ มันยากขึ้นซับซ้อนขึ้นและหาตัวช่วยไม่ได้แล้ว เขาจะลำบากมาก ๆ ครับ
ทางที่สาม ย้ายโรงเรียน
ถ้าพิจารณาแล้ว โรงเรียนที่อยู่ ณ ปัจจุบันนั้นไม่ดีจริง ๆ ครูสอนไม่ดี ครูไม่ได้มาตรฐาน โรงเรียนไม่มีระบบสนับสนุนที่ดีพอที่จะทำให้ลูกของคุณพ่อคุณแม่ไปถึงเป้าหมายได้ การย้ายโรงเรียนก็คงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
แน่นอนว่าการดูแลตัวเองให้เป็น การเรียนรู้ด้วยตัวเอง การเอาตัวรอดให้ได้ แม้ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่คำถามของผมคือจะดีกว่าไหม ถ้าที่ที่เด็ก ๆ เขาไปเรียนจะเป็นที่ที่ดีมาก ๆ ด้วย เพราะนั่นจะยิ่งทำให้ทุกอย่างดีขึ้น
บางครั้งการย้ายโรงเรียน อาจไม่ได้หมายถึงการย้ายไปยังโรงเรียนใหม่ในประเทศไทย แต่อาจหมายถึงการย้ายไปเรียนโรงเรียนในประเทศอังกฤษไปเลย เพราะถ้าถามว่าหลักสูตรอังกฤษที่ดีที่สุดจะอยู่ที่ไหน ก็แน่นอนว่าต้องเป็นประเทศอังกฤษแน่ ๆ เพราะที่นั่น ลูกของคุณพ่อคุณแม่จะได้เรียนกับครูที่เป็น qualified teacher ที่มาจากการ train อย่างเข้มข้นของระบบอังกฤษจริง ๆ และครูเหล่านี้ยังมีประสบการณ์มากมาย ทั้งการสอน และ การเตรียมสนับสนุนต่าง ๆ เพื่อให้เด็ก ๆ ไปถึงเป้าหมายอย่างที่ตัวเองต้องการได้
อย่างไรก็ดี การย้ายโรงเรียนเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาให้ดี เพื่อที่จะไม่ต้องหนีเสือปะจระเข้ซ้ำ ๆ อีก เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ควรหาข้อมูลให้ดี ๆ และหาผู้เชี่ยวชาญที่จะให้คำแนะนำ และช่วยเหลือขั้นตอนต่าง ๆ ของการสมัครได้ครับ
โดยสรุปแล้ว ครูสอนไม่ดี ก็ต้องเอาตัวรอดให้ได้ เบื้องต้นคือพึ่งพาตัวเอง เรียนรู้ด้วยตัวเอง ซึ่งนี่คือสิ่งที่จะติดตัวไป เป็นทักษะที่มีความสำคัญมาก ๆ จากนั้นหาตัวช่วยที่จะทำให้การเรียนรู้ด้วยตัวเองของเด็ก ๆ เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สุดท้ายถ้าพิจารณาแล้วลูกของเราสมควรจะได้รับการศึกษาที่ดีกว่านี้ ก็ย้ายโรงเรียนเถอะครับ ถ้าย้ายไปเรียนโรงเรียนดี ๆ ในอังกฤษได้ก็ไปเลย เดี๋ยวนี้ค่าใช้จ่ายไม่แพงอย่างที่คิดแล้ว บางครั้งเรียนในเมืองไทยแล้วต้องเสียค่าเรียนพิเศษเพิ่มมากมาย รวมแล้วแพงกว่าไปเรียนที่อังกฤษอีกครับ
จะหาโรงเรียนดี ๆ ในอังกฤษ ให้คุ้มค่ากับทุกบาททุกสตางค์ที่ต้องลงทุนลงไปให้กับการศึกษาของลูก ๆ เข้ามาคุยกันได้นะครับ