ไม่ว่าจะเรียนในหลักสูตรไหนก็ตาม สิ่งที่เราต้องหาให้เจอก่อนที่จะตัดสินใจเลือกคอร์สและมหาวิทยาลัยเลยก็คือเราเหมาะกับสิ่งไหน เราอยากเรียนอะไร เรามองตัวเองในอีก 5 ปี 10 ปี เอาไว้อย่างไร อยากจะทำอะไรในอนาคต เราเน้นย้ำเสมอในเรื่องนี้โดยเฉพาะคนที่เรียนในหลักสูตรอังกฤษ เพราะการหาตัวเองให้เจอก่อน จะทำให้เราวางแผนชีวิตตัวเองได้ง่ายขึ้น อีกทั้งแผนที่เราวางไว้ก็เหมาะสมกับตัวเอง ทำให้ไม่เสียเวลาและโอกาสที่ดีไป ในบทความนี้จะพูดถึงกิจกรรมที่ช่วยให้เราหาตัวเองเจอโดยนำโมเดลจากโรงเรียน Top ในอังกฤษ ที่โดยปกติแล้วโรงเรียนจะออกแบบกิจกรรมให้ช่วยเด็กอยู่แล้ว เราจะมาไขเป็นข้อ ๆ ให้ไปทำตามได้ มาดูกันว่า 5 กิจกรรมที่ช่วยหาตัวเองเจอมีอะไรบ้าง
1. เริ่มต้นด้วย Career Test
ก่อนที่นักเรียนจะเริ่มเรียน IGCSE จะต้องเลือกวิชาที่เหมาะสมกับ Career ของโรงเรียน โรงเรียน Top ในอังกฤษจะให้นักจิตวิทยามาคุยกับเด็กอยู่เรื่อย ๆ และมีให้ทำแบบทดสอบที่จะช่วยตัดสินใจได้ว่าวิชาที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละคนมีอะไรบ้าง ซึ่งทาง APSthai ก็มีแบบทดสอบที่เป็นเครื่องมือช่วยได้เช่นกัน เราเรียกว่า Career Test คำถามที่ใช้ในการทำแบบทดสอบจะทำให้เราบอกได้ว่าเด็กมีความสนใจในด้านไหน มีลักษณะนิสัยอย่างไร และถนัดวิชาไหนและสิ่งไหนบ้าง เมื่อเรารู้ทั้ง 3 อย่างนี้แล้ว จะช่วยสรุปออกมาได้ว่ามีอาชีพไหนบ้างที่เหมาะสมและช่วยเลือกวิชาให้ครอบคลุมกับอาชีพที่เขาเป็นได้ การทำ Career Test ไม่ว่าจะที่โรงเรียน Top ในอังกฤษหรือที่ APSthai ไม่ใช่การตัดสินสิ่งที่เขาเป็นได้ในทันทีและแก้ไขไม่ได้ แต่เป็นจุดเริ่มต้นให้ตัวเองรู้ว่ามีจุดแข็งอะไรที่นำไปต่อยอดได้ต่อในระดับมหาวิทยาลัยและอาชีพที่อยากทำในอนาคต โดยผ่านการเรียนอย่างตครอบคลุม 10-11 วิชาในช่วง IGCSE ก่อนจะเลือกวิชาเหมาะสมใน A-Level อีกครั้ง เมื่อได้มีเวลาในการลองผิดลองถูก เมื่อถึงเวลาต้องเลือกก็มั่นใจได้แล้วว่าเราได้เรียนมาครบทุกวิชาแล้ว และรู้ได้ว่าวิชาไหนที่ควรไปต่อและไม่ควรเลือก การทำ Career Test จะจุดประกายให้เด็ก ๆ เริ่มหันมาสนใจตัวเองมากขึ้น เพราะเริ่มรู้จักตัวเองมากขึ้นแล้ว
2. หากิจกรรม Super-curricular เรียน Summer School หรือเข้าร่วม Seminar
เมื่อรู้เบื้องต้นแล้วว่าตัวเองมีความถนัดและชอบไม่ชอบในวิชาไหน เราก็จะสามารถเลือกกิจกรรมที่ช่วยให้เราต่อยอดสิ่งที่เราสนใจได้ เช่น หากมีความสนใจในด้าน Economics ก็ควรไปลองเรียนคอร์สที่เน้นไปทางด้าน Career Path ในช่วง Summer ดูก่อน ถ้าชอบก็ค่อยไปเรียนคอร์สที่ลึกขึ้น ไปเข้าฟังสัมมนาในหัวข้อที่ตัวเองสนใจ เมื่อเราเริ่มตั้งแต่ IGCSE เราจะมีเวลาลองผิดลองถูก ถ้าเกิดไปเรียนแล้วไม่ใช่เราก็มีโอกาสในการลองเรียนคอร์สอื่น เมื่อเราได้ทำกิจกรรมเหล่านี้ซ้ำ ๆ จะช่วยบอกเราได้ว่าสิ่งที่เราสนใจเป็นสิ่งที่ใช่เราจริงหรือไม่ เมื่อได้ลองทำก็จะยิ่งรู้จักตัวเองมากขึ้น รู้จักสิ่งที่เราสนใจมากขึ้น
3. ไปลองทำ Work Experience
นอกเหนือจากกิจกรรมข้างต้นแล้ว หากบางคนอยากลองไปฝึกงานก็เป็นสิ่งที่ทำได้ เพราะการฝึกงานจะทำให้เราเห็นภาพจริง ๆ ว่าอาชีพที่เราสนใจเมื่อทำแล้วมีเนื้องานแบบไหน ลักษณะการทำงานเป็นอย่างไร เมื่อได้ลองไปใช้ชีวิตเหมือนกับคนที่ทำอาชีพนี้แล้วเรายังสนใจอยู่หรือเปล่า หลายคนที่อยากเป็นหมอ เมื่อลองไปดูคุณหมอทำงานจริง ๆ แล้วพบว่าตัวเองอาจจะไม่เหมาะสม อาจจะเพราะกลัวเลือดหรือลักษณะงานไม่เข้ากับนิสัยของตัวเอง ซึ่งโมเดลนี้สามารถนำไปใช้ได้กับทุกอาชีพที่สนใจได้เลย ในการเรียน Summer ที่เน้น Career Path หลายที่ก็นิยมให้เด็กไปฝึกงานตามสายอาชีพตัวเองมากขึ้น เพราะการเรียนในห้องอย่างเดียวอาจจะทำให้ไม่เห็นภาพได้เท่ากับไปลองทำด้วยตัวเอง
4. Reading
ที่จริงแล้วการอ่านเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ถูกที่สุดและสะดวกที่สุด เพราะเราสามารถอ่านที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ หากเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีความสนใจในเรื่องไหน ลองหาหนังสือที่ตัวเองคิดว่าเหมาะสมสักเล่มมาลองอ่านดู หรือถ้าไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ทางเราก็มี Reading Club ที่จะช่วยเลือกหนังสือให้ได้ ไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือเชิง Academic เท่านั้น แต่เป็นอะไรก็ได้ที่เราสนใจและตอบตัวเองได้ด้วยว่าสิ่งที่เราสนใจอยู่ตอนนี้เป็นสิ่งที่เราอยากจะลงมือทำจริง ๆ การอ่านไม่เพียงแต่เป็นวิธีที่ช่วยให้เราหาตัวเองเจออย่างเดียวเท่านั้น แต่เมื่อไรก็ตามที่เราอยากรู้อะไร ในยุคที่โลกเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายขนาดนี้ การอ่านถือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่ช่วยให้เรามีความรู้มากพอที่จะต่อยอดไปทำสิ่งอื่น เพราะการอ่านคือรากฐานของทุกสิ่ง
5. หา Role Model ของตัวเองให้เจอ
ไปคลุกคลีกับคนที่ทำสิ่งที่เราสนใจ คนที่เก่งและมี Passion กับเรื่องที่เราสนใจมาก ๆ จะช่วยให้เราตอบตัวเองได้ว่าเราเองก็รู้สึกมี Passion กับสิ่งนั้นเหมือนกันหรือแค่ผ่าน ๆ เคยได้มีโอกาสสัมภาษณ์กับเด็กที่อยากเป็นคนทำ Animation เขาเล่าว่าเมื่อยิ่งเห็นอาจารย์ที่สอนเขาได้รางวัลหรือผลงานเป็นที่รู้จักกับบุคคลอื่น เขายิ่งมีแรงบันดาลใจให้ตัวเองเก่งให้ได้เท่ากับอาจารย์ของตัวเอง เป็น Role Model ให้ตัวเอง เมื่อแวดล้อมไปด้วยคนที่เก่ง นอกจากจะทำให้ตัวเองรู้จักตัวเองมากขึ้นแล้ว ถ้าหากชอบและมีความสนใจแบบนั้นด้วย ก็จะยิ่งทำให้เราเป็นคนที่เก่งขึ้นด้วย
กิจกรรมทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาในการลองผิดลองถูก ยิ่งเริ่มเร็วเท่าไร ก็จะยิ่งช่วยให้เราหาตัวเองให้เจอได้เร็วเท่านั้น เมื่อได้ลองทำแล้วอาจจะพบว่าสิ่งที่เราถนัดและสนใจอาจจะไม่ได้มีแค่ 1 สิ่ง เมื่อรู้แบบนั้นก็ยิ่งช่วยเลือกหลักสูตรให้เหมาะสมกับศักยภาพของตัวเราได้ด้วย