วันนี้เราจะไม่พูดถึง Oxford และ Cambridge ครับ
วันนี้เราจะมาพูดกันถึงว่า คน ๆ หนึ่งจะต้องใช้ความพยายามระดับไหน ในการสอบเข้า LSE (London School of Economics), Imperial College London, และ UCL (University College London)
ใช่ครับ เรากำลังพูดถึง 3 มหาวิทยาลัยที่ถือว่าอยู่ในกลุ่ม Top 5 ของประเทศอังกฤษแต่ไม่ใช่อันดับ 1 หรืออันดับ 2 อย่าง Oxford หรือ Cambridge ซึ่งแน่นอนว่านักเรียนหลาย ๆ คนที่ตั้งความหวังเอาไว้สูง ก็มี 3 มหาวิทยาลัยนี้เป็นเป้าหมายในชีวิตเหมือนกัน และกลายเป็นว่านักเรียนหลาย ๆ คนมุ่งเป้าสูงสุดของตัวเองไปที่ 3 มหาวิทยาลัยนี้มากขึ้น ด้วยเหตุผลที่ว่า Oxford และ Cambridge น่าจะยากเกินไป เอาแค่ 3 ที่นี้แทนก็แล้วกัน
LSE, Imperial, UCL ต้องการนักเรียนแบบไหน ?
ทบทวนความรู้เดิมกันนิดนึงครับ มหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษพิจารณาคุณสมบัติของเราผ่านระบบตัวกลางที่เรียกว่า UCAS ซึ่งถ้าแบ่งใหญ่ ๆ แล้ว มีคุณสมบัติ 2 ด้านที่เขาต้องการจะดู
- ด้าน Academic หรือด้านการเรียน
- คะแนน Predicted Grade จากทางโรงเรียน
- คะแนนสอบ AS-level (ถ้ามี)
- คะแนนสอบ IGCSE
- ด้านคุณสมบัติอื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นว่า เรา Born to be ในสิ่งที่เรากำลังจะเลือกเรียน (ซึ่งอันนี้สำคัญมาก ๆๆๆๆ)
- Personal Statement ความยาว 4,000 ตัวอักษรเพื่อแสดงให้เห็นว่าเรา Born to be ในสิ่งนี้อย่างไร
- Reference จากครูความยาว 4,000 ตัวอักษรเพื่อแสดงให้เห็นว่าเรา Born to be ในสิ่งนี้อย่างไร
- Admissions Tests ซึ่งเป็นข้อสอบเพื่อใช้วัด skills ว่าเรา Born to be ในสิ่งนี้อย่างไร
- Interview ซึ่งเป็นการพูดคุยเชิง debate เพื่อวัดว่าเรา Born to be ในสิ่งนี้อย่างไร
แน่นอนว่าบางมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้ท็อปมาก เขาอาจจะดูคุณสมบัติเหล่านี้แบบไม่จริงจังมาก แต่มหาวิทยาลัยระดับ LSE, Imperial, UCL นั้น พิจารณาเรื่องเหล่านี้อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่ 2 ที่ต้องแสดงให้เห็นให้ได้ว่า เรามีความ Born to be ในสิ่งที่เรากำลังจะเลือกมากแค่ไหน
ยกตัวอย่างเช่น ครั้งหนึ่งที่ทางเราได้ไปประชุมกับ Admissions team ของ LSE เขาบอกว่าเนื่องจากมีนักเรียนสมัครมาที่เขาค่อนข้างเยอะ เขาจึงไม่มีเวลาที่จะมา Interview นักเรียนหรือจัดสอบ Admissions Tests ต่าง ๆ และเนื่องจากทุกคนก็ได้เกรดดีเสมอกันหมด เขาจึงให้น้ำหนักกับ Personal Statement เยอะมาก กลายเป็นว่าบางคนที่คิดว่า Personal Statement ไม่ใช่เรื่องสำคัญก็จะพลาดจาก LSE ไปอย่างน่าเสียดาย
หรืออย่าง Imperial ในสาขา Computer Science ที่ข้อสอบ Admissions Tests มีอยู่ 8 ข้อ ถ้าทำได้ไม่ถึง 6 ข้อก็อาจจะไม่ได้ offer เพราะถือว่าคุณไม่มี skill ที่เหมาะสมที่แสดงให้เห็นได้ว่าคุณ Born to be ในด้านนี้จริง ๆ หรือไม่ บางคนที่คิดว่าถ้าคะแนน IGCSE และ AS-level ดีแล้ว แล้วคะแนน Admissions Tests จะหย่อนลงมาหน่อย ก็ไม่น่าจะเป็นอะไร นี่เป็นการคิดผิดอย่างมหันต์เลยทีเดียว
หรืออย่างการ Interview สาขา Design Engineering ที่ Imperial นั้น มันจะมีโจทย์ที่เขาจะให้เราออกแบบอะไรบางอย่าง ให้เวลานิดเดียว แล้วเราจะต้องเล่าออกมาให้ได้ว่าเราจะออกแบบอย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องมีทักษะทาง Critical Thinking สูงมากและฝึกฝนมาเยอะมากถึงจะทำได้ ตรงนี้นักเรียนหลายคนก็เข้าใจว่าไปถึงตอน Interview เขาก็คงชวนคุยถามคำถามทั่วไปเท่านั้นเอง ซึ่งนั่นก็เป็นความเข้าใจผิดอย่างร้ายแรงเช่นกัน
อ่านไปอ่านมา … มันก็ไม่ต่างอะไรกับ Oxford Cambridge นี่นา
ใช่ครับ Oxford Cambridge เองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องของ Personal Statement, Reference, Admissions Tests, และ Interview มาก ๆ เช่นกัน ทุก ๆ ปีก็จะมีนักเรียนที่ผลการเรียนดี แต่โดนปฏิเสธจาก Oxford และ Cambridge ด้วยเหตุผลต่าง ๆ เช่น
- Personal Statement ไม่ดีพอ
- Reference ไม่ดีพอ
- Admissions คะแนนไม่ดีพอ
- Interview ทำได้ไม่ดีพอ
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เกิดขึ้นใน LSE, Imperial, UCL เช่นเดียวกัน ซึ่งถ้าจะบอกว่ามหาวิทยาลัยระดับ Top 5 เหล่านี้พิจารณานักเรียนด้วยกฏเกณฑ์ที่ไม่ได้ต่างกันเท่าไร ก็ย่อมสามารถที่จะพูดเช่นนั้นได้ครับ ใน rejection letter หรือจดหมายปฏิเสธของมหาวิทยาลัยอย่าง LSE, Imperial, UCL ที่นักเรียนบางคนได้รับ ก็ระบุสาเหตุของการปฏิเสธเอาไว้ ไม่ต่างจากที่ Oxford และ Cambridge ใช้เป็นเหตุผลในการปฏิเสธเลย
Oxford, Cambridge ไม่ได้เข้ายากกว่า LSE, Imperial, UCL เสมอไป
นี่คือความจริงที่เราต้องยอมรับครับ ว่าทุก ๆ ปีจะมีนักเรียนบางคนที่ได้ offer จาก Oxford หรือ Cambridge แต่ไม่ได้ offer จาก LSE, Imperial, UCL ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องแปลกครับ การที่เราคิดไปว่า Oxford, Cambridge อยู่เหนือกว่า LSE, Imperial, UCL นั้นมันไม่ได้แปลว่าโอกาสในที่จะได้รับพิจารณาจาก LSE, Imperial, UCL จะสูงกว่าโอกาสที่จะได้รับพิจารณาจาก Oxford และ Cambridge เพราะมันมีหลายปัจจัยมาก ๆ ที่ถูกนำมาใช้ในการตัดสินครับ เอาจริง ๆ เราจะเริ่มเดาได้ยากแล้วด้วยซ้ำไปว่าสุดท้าย สมมติถ้าเราสมัครไปทั้ง Cambridge และ Imperial และถ้าเราจะได้ offer จากแค่ที่เดียว เราจะได้จากที่ไหนกันแน่
ทุกคนที่เลือก Oxford, Cambridge มักเลือก LSE, Imperial, UCL ไว้เป็นตัวเลือกที่รองลงมาเสมอ
นี่ก็เป็นอีกความจริงที่เกิดขึ้นครับ นักเรียนที่เก่ง ๆ คุณสมบัติดี ๆ มีความพร้อม มีความ Born to be มาก ๆ ที่เลือกสมัคร Oxford หรือ Cambridge เขาไม่ได้เลือกแค่ Oxford หรือ Cambridge เพราะเขามีโอกาสเลือกทั้งหมดตั้ง 5 ตัวเลือกจากระบบ UCAS เพราะฉะนั้น เขาย่อมเลือก LSE, Imperial, UCL ตัวใดตัวหนึ่งหรือมากกว่านั้นเข้ามาในระบบ UCAS ของเขาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าเขาพลาดจาก Oxford หรือ Cambridge เขาก็จะกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของเราทันทีสำหรับการสมัคร LSE, Imperial, UCL ของเรา
และถ้านักเรียนเหล่านั้นเตรียมทุกอย่างไว้ในระดับที่จะไปสอบเข้า Oxford หรือ Cambridge ให้ได้ คำถามคือ ถ้าสุดท้ายเขาลงมาเป็นคู่แข่งของเราจริงสำหรับ LSE, Imperial, UCL เราจะเอาอะไรไปสู้กับเขาครับ
คุณต้องใช้ความพยายามระดับไหนในการสอบเข้า LSE, Imperial, UCL
ขอบอกเลยว่า ถ้าเราไม่ใช้ความพยายามในระดับที่จะสอบเข้า Oxford, Cambridge ให้ได้ โอกาสที่เราจะสอบเข้า LSE, Imperial, UCL ได้สำเร็จนั้นจะเลือนลางมาก ๆ ครับ ไม่ว่าจะด้วยประเด็นทั้งหลายที่กล่าวมาในข้างต้น ได้แก่
- การพิจารณาแบบเข้มข้นที่แทบไม่ต่างกัน
- การที่เอาจริง ๆ แล้ว Oxford, Cambridge ก็ไม่ได้ยากกว่า LSE, Imperial, UCL เสมอไป
- และการที่คนที่สมัคร Oxford, Cambridge ที่พลาดไปจะกลายมาเป็นคู่แข่งของเราสำหรับ LSE, Imperial, UCL
เหล่านี้ล้วนเป็นคำตอบที่ชัดเจนอยู่แล้วครับว่า ความคิดที่ว่า
“ไม่ต้องทำให้สุดหรอก ทำแค่นี้พอแล้ว
เราไม่ได้จะเอา Oxford, Cambridge
เราจะเอาแค่ LSE, Imperial, UCL
งั้นเราหย่อนลงมาหน่อยก็ได้ จะได้ไม่เหนื่อยจนเกินไป”
จะเป็นความคิดที่พาเราไปสู่ความล้มเหลวทั้งหมด และสุดท้ายเราจะไม่ได้อะไรเลยไม่ว่าจะเป็น LSE, Imperial, UCL หรือแม้แต่มหาวิทยาลัยอื่น ๆ ที่ถูกมองว่าอันดับที่ต่ำลงมาก็ตาม
เพราะเมื่อไรที่เราย่อหย่อนให้กับตัวเอง เรากำลังเดินอยู่บนทางที่ประมาท เมื่อเราประมาท ผลลัพธ์ที่ออกมาก็มักจะต่ำกว่าที่คาดหวัง จริง ๆ เป็นธรรมชาติอยู่แล้วที่บางครั้งเราตั้งใจบางอย่างในระดับที่สูงระดับหนึ่งแล้วผลลัพธ์ที่แท้จริงมันจะต่ำลงมานิดหน่อย เพราะฉะนั้น คำแนะนำสำหรับนักเรียนคนไหนก็ตามที่ตั้งใจจะเข้า LSE, Imperial, UCL ก็คือ ให้ตั้งใจสุด ๆ เสมือนว่าจะเข้า Oxford, Cambridge ให้ได้ครับ ซึ่งสุดท้ายเราอาจจะไม่ได้อยากเข้า หรือไม่ได้อยากสมัคร Oxford, Cambridge นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา แต่การเตรียมตัวของเราต้องไปถึงระดับนั้น ต่ำกว่านั้นไม่ได้โดยเด็ดดขาด
เพราะฉะนั้น กิจกรรมเสริมอะไร คุณสมบัติเพิ่มเติมอะไร ที่เพื่อน ๆ เราที่เขาจะไป Oxford Cambridge เขาทำกัน เราเองก็ต้องทำเช่นกันครับ จริง ๆ แล้วไม่ใช่แค่คนที่คาดหวังจะเข้า LSE, Imperial, UCL หรอก ไม่ว่าเราจะหวังมหาวิทยาลัยไหนก็ตาม อะไรที่ทำให้สุด ๆ ได้ขอให้ทำให้สุด ๆ
เพราะสุดท้ายมันไม่ใช่เแค่เรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยครับ การพยายามทำให้ดีที่สุดเสมือนว่าจะไป top ที่สุดของโลกให้ได้ มันจะได้ทักษะติดตัว มันจะได้วิธีคิดที่เปลี่ยนไป และมันจะช่วยพาเราไปประสบความสำเร็จในวันข้างหน้าได้ในที่สุดครับ