สมัยนี้ มีโรงเรียนอินเตอร์เกิดขึ้นในประเทศไทยมากมาย สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังจะพิจารณาเลือกโรงเรียนอินเตอร์ให้กับลูก สมควรเป็นอย่างยิ่งครับที่จะต้องพิจารณาให้ดี บางคนเข้าใจผิดว่าแค่เป็นโรงเรียนอินเตอร์ก็ถือว่าดีแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องเลือกอะไรมาก ๆ เรียนที่ไหนก็เหมือนกัน ซึ่งนั่นเป็นความเข้าใจที่ผิดเป็นอย่างมาก

วันนี้เรามาดูกันครับว่า 3 สิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือกโรงเรียนอินเตอร์ให้กับลูก มีอะไรบ้าง

อย่างแรก หลักสูตรที่ใช้และความเข้าใจในหลักสูตร

โรงเรียนอินเตอร์แต่ละแห่งอาจใช้หลักสูตรไม่เหมือนกัน สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้คือโรงเรียนที่กำลังจะเลือกนั้นใช้หลักสูตรอะไร เป็นระบบไหนเป็นของประเทศไหน และไม่ใช่แค่รู้ชื่อหลักสูตร แต่ต้องรู้ด้วยว่าลักษณะที่สำคัญของหลักสูตรนั้นคืออะไร และที่สำคัญมาก ๆ ก็คือ โรงเรียนมีความเข้าใจในหลักสูตรมากแค่ไหน

อย่างเช่น ถ้าโรงเรียนใช้หลักสูตรอังกฤษ ส่วนสำคัญของหลักสูตรนี้คือ ระดับ IGCSE ตอน Year 10 – Year 11 และระดับ A-level ตอน Year 12 – Year 13 คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องพิจารณาในประเด็นต่าง ๆ เช่น

  • ในระดับ IGCSE เด็ก ๆ ต้องเรียนกันกี่วิชา โดยปกติควรจะเรียนอย่างน้อย 9 วิชาขึ้นไป ถึงจะถือว่าเป็นมาตรฐานเดียวกับประเทศอังกฤษ
  • ในระดับ IGCSE เด็ก ๆ เรียนวิทยาศาสตร์แบบไหน Separate Science หรือ Co-Science ซึ่งมาตรฐานของประเทศอังกฤษคือ Separate Science
  • ในระดับ IGCSE มีการให้เด็กบางคนเรียนเนื้อหาระดับ Core ไหม หรือทุกคนเรียน Extended กันหมดในวิชาหลัก ๆ ซึ่งปกติแล้วที่อังกฤษเขาไม่เรียนแบบ Core กัน เรียนแบบ Extended เท่านั้น
  • ในระดับ IGCSE มีวิชาให้เลือกครอบคลุมไหมทั้งด้าน Science, Humanities, Creativity, Additional Language และเด็ก ๆ เลือกได้อย่างอิสระหรือไม่ โรงเรียนที่ไม่ได้คุณภาพจะไม่ยอมให้เด็กเลือกบางวิชาเพราะตารางเรียนทับซ้อนกัน
  • ในระดับ A-level เด็ก ๆ ส่วนใหญ่ถูกแนะนำให้เลือกเรียน 3 วิชาหรือ 4 วิชา ปกติแล้ว 3 วิชาคือแค่พอจบหลักสูตร แต่ 4 วิชาคือเล็งผลเลิศเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยระดับท็อป
  • ในระดับ A-level มีการแนะนำให้เด็กเลือกวิชาให้เหมาะสมหรือไม่ เช่น บางโรงเรียนที่ขาดความเข้าใจจะอนุญาตให้เด็กเลือก Business และ Economics คู่กันใน A-level ซึ่งเป็นการเลือกที่มหาวิทยาลัยระดับท็อปในอังกฤษไม่ชอบเลย

หรืออย่างถ้าโรงเรียนใช้หลักสูตร IB Diploma ในช่วง Year 12 – Year 13 คุณพ่อคุณแม่จะต้องดูให้ดี ๆ ในบางประเด็น เช่น โรงเรียนมีให้เด็ก ๆ เลือกทำ IB Diploma เต็ม ๆ ทุกคน หรือมีบางคนได้ทำแค่ IB Certificates ซึ่งปกติโรงเรียนระบบ IB ดี ๆ ในประเทศอังกฤษ จะให้เด็กทุกคนทำ IB Diploma ตัวเต็มเท่านั้น เพราะ IB Certificates มันมีอุปสรรคในการเอาไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยมาก ๆ

หรือในกรณีที่โรงเรียนใช้หลักสูตรระบบอเมริกัน คุณพ่อคุณแม่จะต้องดูด้วยว่าช่วง 4 ปีสุดท้ายคือ Grade 9 – Grade 12 นั้น โรงเรียนมีหลักสูตรอะไรให้เด็ก ๆ เลือกบ้าง โรงเรียนที่มีคุณภาพและเข้าใจหลักสูตร จะต้องมีชั้นเรียนแบบ honor หรือ AP ให้เด็กเลือกในบางวิชาเพื่อสร้างความรู้และทักษะเชิงลึกในวิชานั้น ๆ ให้พร้อมสำหรับการสมัครมหาวิทยาลัย

จริง ๆ แล้ว เรื่องความเข้าใจหลักสูตรนั้นมีประเด็นยิบย่อยอีกมาก แต่เป็นเรื่องซีเรียสมาก ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องถามหาจากโรงเรียนให้ได้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ บางโรงเรียนจะอ้างเกณฑ์ขั้นต่ำ และ มีสิ่งต่าง ๆ แค่ขั้นต่ำให้กับเด็ก ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น ตรงนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถพูดคุยเพิ่มเติมกับทางเราเพื่อเตรียมตัวว่าเราต้องตรวจสอบโรงเรียนเรื่องความเข้าใจหลักสูตรต่าง ๆ ในแง่ไหนบ้างนะครับ

อย่างที่สอง ผลงานของโรงเรียน

โรงเรียนดี ผลงานย่อมดี ซึ่งผลงานในที่นี้แบ่งได้ 2 เรื่องครับ

  • เรื่องแรก คือ ผลงานเกี่ยวกับคะแนน ตามแต่ว่าโรงเรียนใช้หลักสูตรไหน เช่น
    • ร้อยละของเด็กที่สอบได้ A* – A ในระดับ IGCSE และ A-level
    • ร้อยละของเด็กที่สอบได้ 7 – 6 ในหลักสูตร IB ระดับ IB Diploma
    • คะแนน SAT, SAT Subject Test, AP โดยเฉลี่ยของโรงเรียน
  • เรื่องที่สอง คือ ผลงานเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยหรือสถาบันที่เด็ก ๆ สามารถไปเรียนต่อกันได้หลังเรียนจบ ซึ่งเรื่องนี้บางโรงเรียนจะจริงใจมาก ๆ คือบอกหมดเลย ทั้งชื่อคณะ และ ชื่อมหาวิทยาลัยในแต่ละปี แต่บางโรงเรียนก็อาจจะปิดบังข้อมูลเพราะว่าผลงานไม่ได้ดีมาก เช่น ใช้คำพูดว่าใน 10 ปีที่ผ่านมามีเด็กสอบติด Cambridge ซึ่งอ่านแล้วจะไม่รู้เลยว่าจริง ๆ แล้วมีปีละกี่คน หรือตลอด 10 ปีอาจจะมีแค่คนเดียวก็ได้

คราวนี้ วิธีวัดว่าผลงานเกี่ยวกับคะแนน หรือ ผลงานเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยหรือสถาบันที่เด็ก ๆ สามารถไปเรียนต่อได้นั้นดีหรือไม่ดี อาจเทียบกับข้อมูลเหล่านี้ของโรงเรียนในประเทศอังกฤษก็ได้ครับ ส่วนใหญ่โรงเรียนดี ๆ ในประเทศอังกฤษจะเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ค่อนข้างละเอียด พอเทียบแล้วเราก็จะประเมินได้แล้ว ยิ่งผลงานใกล้เคียงกับโรงเรียนดี ๆ ที่อังกฤษเท่าไร ก็ยิ่งมีแนวโน้มว่าจะเป็นโรงเรียนอินเตอร์ที่มีคุณภาพดีเท่านั้น (อย่างไรก็ดี ถ้าไปดูจริง ๆ แล้วอาจจะเจอความจริงว่า ผลงานโรงเรียนอินเตอร์ที่ไทยส่วนใหญ่ จะห่างชั้นจากโรงเรียนในประเทศอังกฤษมาก ๆ)

อย่างที่สาม ระบบและกระบวนการการสนับสนุน (support) เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยระดับท็อป

เพื่อให้ผลงานดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการที่มีเด็กสอบติดมหาวิทยาลัยระดับท็อปได้เป็นจำนวนมากนั้น คุณพ่อคุณแม่จะต้องถามหาระบบ support ว่าโรงเรียนสามารถดูแลในเรื่องนี้ได้อย่างไรบ้าง

อย่างเช่น ถ้าเราพูดถึงการเข้ามหาวิทยาลัยระดับท็อปที่อังกฤษ นี่คือเรื่องที่ต้องตรวจสอบครับว่า โรงเรียนมีสิ่งเหล่านี้หรือไม่

  • การให้เด็กเริ่มทำ UCAS Personal Statement อย่างช้าคือต้น Year 12
  • การจัดหาที่ฝึกงาน หรือ Work experience ให้กับเด็ก
  • การหา guest speaker จากอาชีพต่าง ๆ มาให้คำแนะนำเกี่ยวกับอาชีพที่น่าสนใจ
  • การพาเด็ก ๆ ไปทำ Super curricular activities หรือกิจกรรมพิเศษที่มหาวิทยาลัยระดับท็อปชอบ เช่น การประกวดแข่งขันต่าง ๆ หรือการทำวิจัยระดับโลก เป็นต้น
  • การให้ครูที่จะเป็น Referee ให้กับเด็ก ประกบและทำความรู้จักกับเด็กตั้งแต่ต้น Year 12 และพัฒนา UCAS Reference ไปควบคู่กับการทำ UCAS Personal Statement
  • การมีครูผู้เชี่ยวชาญเป็นพิเศษ ที่สามารถสอน Admissions Tests (Extra Tests) ให้กับเด็กบางคนที่ต้องใช้ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่อังกฤษได้
  • การมีคาบเรียนเกี่ยวกับ Critical Thinking และ Debating เพื่อฝึกทักษะในการนำเสนอและการสัมภาษณ์
  • การมีครูผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เป็น Interviewer ของมหาวิทยาลัยมาก่อน มาช่วยฝึกการสัมภาษณ์ให้กับเด็ก ๆ

นี่แค่ตัวอย่างนะครับ จริง ๆ ต้องมีมากกว่านี้ ซึ่งถ้าเบื้องต้นตรวจสอบแล้ว โรงเรียนอินเตอร์ที่จะเลือกให้ลูกไม่มีสิ่งเหล่านี้หรือมีน้อย ๆ นั่นอาจจะไม่ใช่ที่ที่เหมาะสมแล้วครับ

เพราะฉะนั้น ทั้งเรื่องความเข้าใจหลักสูตร เรื่องผลงาน และ เรื่องระบบ support นั้น เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก ๆ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่จะต้องทำความเข้าใจทั้งหมดให้ดี ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกโรงเรียนอินเตอร์ให้กับลูก บางโรงเรียนอาจจะโฆษณาสิ่งต่าง ๆ ไว้อย่างสวยงาม อาจจะมีตึก มี facilities ต่าง ๆ ที่ครบครัน อาจจะอ้างว่าได้ทีมครูมืออาชีพจากประเทศนั้นประเทศนี้ อาจจะบอกว่าตัวเองเป็นสาขาจากโรงเรียนระดับท็อปในต่างประเทศ ทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่เขาพูดได้ แต่นั่นไม่สามารถทำให้คุณพ่อคุณแม่สบายใจจนไม่ต้องตรวจสอบอะไรได้ เพราะฉะนั้น ก่อนเข้าไปเยี่ยมชมโรงเรียน ก่อนตัดสินใจใด ๆ เตรียม check list รายการที่ต้องตรวจสอบไว้ดี ๆ และถามคำถามลึก ๆ กับโรงเรียนเหล่านั้น เราต้องจริงจังกับเรื่องนี้ให้มาก เพราะนี่คือที่ที่ลูกของเราจะต้องมาอยู่อีกหลายปีครับ

หากตรวจสอบหลาย ๆ โรงเรียนแล้ว พบว่ายังไม่มีที่ไหนทำได้ตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น การพิจารณาเรื่องการส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ อย่างเช่นที่อังกฤษในวัยที่เหมาะสมก็เป็นอีกทางออกที่น่าสนใจ ซึ่งถ้าใครได้อ่านบทความก่อนหน้านี้ก็น่าจะจำได้ว่า เราเคยพูดกันไปแล้วว่า ปัจจุบันค่าเทอมในส่วนของการเรียนการสอนของโรงเรียนดี ๆ ที่อังกฤษนั้น หลาย ๆ ที่ถูกกว่าโรงเรียนอินเตอร์ที่ไทยมาก ถือว่าเป็นการลงทุนเรื่องอนาคตของลูกที่คุ้มค่าทีเดียว

สุดท้าย เข้ามาพูดคุยกันได้นะครับ หากสงสัยว่า จะต้องตรวจสอบโรงเรียนประเด็นไหนอย่างไรบ้าง ทั้งหมดที่เขียนไปข้างต้นเป็นแค่ส่วนเล็กน้อยเท่านั้น ไม่สามารถที่จะเขียนทั้งหมดออกมาได้จริง ๆ

สุดท้าย อยากจะฝากเอาไว้ว่า อนาคตลูกอย่าฝากไว้ในมือใครแบบไม่ดูตาม้าตาเรือนะครับ ตรวจสอบและเลือกที่ที่ดีที่สุดให้ลูกของเรานะครับ