เมื่อวันก่อน เด็กคนหนึ่งที่เราส่งไปเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งที่อังกฤษในระดับ Year 9 ส่งข้อความกลับมาหาเราว่า จะต้องเลือกวิชา IGCSE ภายในวันนั้น ก่อนบ่ายสามโมง เพราะเดี๋ยวโรงเรียนจะเริ่มสอน IGCSE กันเลย
ได้อ่านเรื่องราวข้างต้นแล้ว รู้สึกแปลกใจกันบ้างไหมครับ ว่าปกติ IGCSE มันหมายถึง Year 10 และ Year 11 ไม่ใช่หรือ ทำไมโรงเรียนนี้จะเริ่มให้ทำ IGCSE ตั้งแต่ Year 9 จะรีบเกินไปไหม แล้วจะรีบไปเพื่ออะไร วันนี้เรามาหาคำตอบกันครับ
ก่อนจะอ่านต่อไป ทำความเข้าใจกันเล็กน้อย
- ในบทความนี้ จะใช้คำว่า IGCSE เป็นหลัก และแน่นอนว่าบางโรงเรียนในอังกฤษจะใช้ GCSE ซึ่งบางคนจะบอกว่ามันต่างกัน จึงขอชี้แจงไว้ตรงนี้ว่าปัจจุบันถือว่าเหมือนกัน ค่าเท่ากัน ไม่มีอะไรยากกว่าหรือง่ายกว่า เพราะฉะนั้นเรื่องที่กำลังจะเล่าต่อไป สามารถใช้ได้หมดไม่ว่าจะเป็น IGCSE หรือ GCSE
- ในบทความนี้ใช้คำว่า Year และหมายถึงโรงเรียนที่มีถึง Year 13 หากลูกของคุณพ่อคุณแม่อยู่ในโรงเรียนที่เรียกแต่ละชั้นปีว่า Grade และมีระดับสูงสุดคือ Grade 12 ขอให้รู้เอาไว้แบบนี้นะครับว่า
- Grade 8 คือ Year 9
- Grade 9 คือ Year 10
- Grade 10 คือ Year 11
- เพราะฉะนั้น ถ้าโรงเรียนเขาบอกว่า เขาเริ่มทำ IGCSE ตอน Grade 9 ก็แปลว่าเขาเริ่มทำ Year 10 นะครับ ไม่ใช่ Year 9
จริง ๆ แล้ว IGCSE เริ่มที่ Year 9
ถูกแล้วครับ อ่านไม่ผิดแน่ ๆ จริง ๆ แล้วหลักสูตร IGSCE นั้น จะต้องเริ่มเรียนเริ่มสอนกันตั้งแต่ Year 9 เป็นต้นไป ตามหลักสูตรที่ประเทศอังกฤษวางเอาไว้ เพราะว่าหลักสูตรนี้ใช้เวลา 2 ปี นั่นหมายความ Year 9 สอนเนื้อหา 50% ของ IGCSE และ Year 10 สอนเนื้อหาอีก 50% ของ IGCSE
คำถามก็คือ แล้ว Year 11 เหลืออีกตั้ง 1 ปี ก่อนจะขึ้นไปเรียน A-level ตอน Year 12 ต่อ จะเหลือไว้ทำไม ?
เนื่องจากการสอบ IGCSE จะเกิดขึ้นตอน Year 11 เทอม 3 เพราะฉะนั้น เขาจึงใช้ 2 เทอมแรกของ Year 11 ในการทำแบบนี้ครับ
- Year 11 เทอม 1 ทบทวนเนื้อหา IGCSE ทั้งหมดที่เรียนมาตั้งแต่ Year 9
- Year 11 เทอม 2 ซ้อมทำข้อสอบเก่าที่เรียกว่า Past Papers
และเมื่อ Year 11 เทอม 3 มาถึง ที่เด็ก ๆ จะต้องไปสอบ IGCSE ก็จะสามารถทำข้อสอบได้ และได้เกรดดี ๆ ได้ A* ได้ 9 เต็มไปหมดเพราะมีเวลาตั้งเกือบปี ในการทบทวนเนื้อหาและฝึกทำ Past Papers เยอะ ๆ
และทั้งหมดที่เล่ามานี้ คือวิธีการที่โรงเรียนระดับท็อป ๆ ในประเทศอังกฤษเขาใช้กันครับ จึงไม่น่าแปลกใจที่เวลาเราไปดูข้อมูล ranking โรงเรียนในประเทศอังกฤษ เราจะเห็นว่ามีหลายโรงเรียนมาก ๆ ที่ผลงาน IGCSE โดดเด่นชนิดที่ว่าเด็กเกือบทั้งโรงเรียนสอบได้ A* หรือ A ในระดับ IGCSE ทั้งหมดนี้เกิดจากการเดินตามแผนของหลักสูตรที่ถูกต้องครับ
แล้วโรงเรียนส่วนใหญ่ทำไม่ถูกอย่างไร ?
สิ่งที่โรงเรียนส่วนใหญ่ทำเกี่ยวกับ IGCSE คือแบบนี้ครับ
- Year 9 เรียน general knowledge หรือปูพื้นฐานความรู้ต่าง ๆ ตามปกติ
- Year 10 เรียนเนื้อหา 50% แรกของ IGCSE
- Year 11 เรียนเนื้อหา 50% หลังของ IGCSE
คำถามคือ แล้วเด็ก ๆ จะเอาเวลาที่ไหนไปทบทวน กับ ไปหัดทำ Past Papers ครับ ?
ดูจาก timeline ข้างต้นแล้วไม่น่าเหลือเวลาไปทบทวนกับทำ Past Papers เลย แถมถ้าบอกว่า Year 11 สอนเนื้อหา 50% ที่เหลือนั่นหมายความว่าต้องใช้เวลาสอนเต็ม ๆ ถึง 3 เทอม แต่เทอม 3 ต้องไปสอบ IGCSE แล้ว แสดงว่ามีความเสี่ยงสูงมากที่จะสอนเนื้อหาบางบทไม่จบ แล้วก็ปล่อยให้เด็ก ๆ ต้องเผชิญชะตากรรมอ่านเองเรียนเองไป
จึงไม่น่าแปลกใจว่าในโรงเรียนที่ไม่ดี ที่เดินเกมผิด ที่เริ่มสอน IGCSE กันตอน Year 10 นั้น ผลงาน IGCSE เลยออกมาไม่ดี เด็กได้ A* กับ A น้อยกว่าที่ควรจะเป็น น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งครับ
แล้วจะให้ทำอย่างไร ?
ถ้าตอนนี้ลูกคุณพ่อคุณแม่กำลังเรียนอยู่ในโรงเรียนที่น่าจะเริ่มสอน IGCSE กันอย่างจริงจังตอน Year 10 สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการยอมรับความจริง และ รู้ตัวว่าถ้าปล่อยให้ลูกเรียนไหลไปตามชะตากรรมตามที่โรงเรียนตั้งเอาไว้ให้ ก็รับรองได้เลยว่าผลลัพธ์จะออกมาไม่ดีแน่ ๆ การฝืนเชื่อว่าสิ่งที่โรงเรียนให้นั้นเป็นสิ่งที่ดีแล้ว แล้วโรงเรียนให้ทำอะไรก็ทำตามไปหมด นั่นย่อมไม่ดีแน่ครับ
เมื่อยอมรับความจริงได้แล้ว ให้เริ่มวางแผน 2 อย่าง
- อย่างแรก ตั้งแต่ Year 9 หรือก่อนขึ้น Year 9 หาจุดแข็งจุดอ่อนของลูกให้เจอ ใช้ Career Test เป็นเครื่องมือช่วยก็ได้ครับ เพื่อดูว่าวิชาไหนที่เขาน่าจะทำได้ดีที่สุด จากนั้นวางแผนเรียนพิเศษ หรือ self-study วิชาเหล่านั้นล่วงหน้า แล้วเอาวิชาเหล่านั้นไปสอบ IGCSE ล่วงหน้า เก็บเกรด A* มาไว้ในมือก่อน ยกตัวอย่างเช่น
- Year 10 เทอม 3 (ช่วงเดือน May/June) เก็บ IGCSE ไปก่อนสัก 1-2 วิชา ให้ได้ A* มา 1-2 ตัว
- Year 11 เทอม 1 (ช่วงเดือน Oct/Nov) เก็บ IGCSE เพิ่มอีกสัก 2-3 วิชา ให้ได้ A* มา 2-3 ตัว
- ถึงจุดนี้ ถ้าทำได้เต็มที่ เด็ก ๆ อาจเก็บ IGCSE ไปแล้ว 5 ตัว ได้ 5 A* มาไว้ในมือแล้ว การสอบรอบสุดท้ายในช่วง Year 11 เทอม 3 ก็จะเหลือภาระแค่ครึ่งเดียวคือประมาณ 4 -6 วิชา เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้ใช้กลยุทธ์นี้ ก็จะสามารถทำเกรดในวิชาที่เหลือได้ดีมาก ๆ ด้วยเพราะภาระรวม ๆ ในรอบสุดท้ายไม่เยอะ แถมการได้ A* มาล่วงหน้ายังสามารถใช้สมัครโรงเรียนดี ๆ ในประเทศอังกฤษเพื่อไปเรียนต่อ A-level พร้อมขอ scholarship ได้ด้วย
- ซึ่งการสอบ IGCSE ล่วงหน้าสามารถทำได้ที่สนามสอบที่เปิดรับ External Candidate ครับ อย่างไรก็ดี ต้องวางแผนเรื่องการสอบดี ๆ ว่าจะสอบวิชาไหนรอบไหน ตรงนี้เข้ามาคุยเพิ่มเติมกันได้ครับ
- อย่างที่สอง ในทุกวิชาไม่ว่าจะสอบล่วงหน้าหรือไม่สอบก็ตาม ให้วางแผนอ่านหนังสือด้วยตัวเอง หัดทำ Past Papers ด้วยตัวเอง เรียนรู้ล่วงหน้าไปด้วยตัวเองให้มากที่สุดและเร็วที่สุด เพราะถ้าไปตามจังหวะของโรงเรียน ก็จะไม่ทันการอย่างที่กล่าวไว้ตอนต้น ลุกขึ้นมารับผิดชอบชีวิตตัวเองให้ได้ เรียนจบทุกวิชาให้เร็วที่สุด ดีที่สุด ไม่ว่าจะด้วยการเรียนพิเศษเพิ่มหรือ self-study เองก็ตาม บางคนไม่เรียนพิเศษเลยนะครับ self-study เพียงอย่างเดียว ถ้าทำเป็นก็ทำสำเร็จได้เช่นกัน
หรือถ้าลูกคุณพ่อคุณแม่ยังอยู่ในวัยที่ตัดสินใจทัน หาโรงเรียนดี ๆ ในประเทศอังกฤษ ส่งเขาไปเรียนตั้งแต่ Year 9 เลยครับ จะได้ป้องกันปัญหาโรงเรียนที่ไม่ดีที่เริ่มสอน IGCSE ล่าช้าไปเลย เรียกว่าแก้ที่ต้นเหตุไปเลยก็เป็นทางออกที่ดีครับ
ทุกวันนี้ค่าเรียนโรงเรียนในอังกฤษไม่แพงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะค่าเงินปอนด์ลดลงเป็นอย่างมาก บางโรงเรียนตอนนี้รวมทุกอย่างแล้วเหลือปีละ 1.4 – 1.5 ล้าน เทียบกับในบ้านเรา บางโรงเรียนค่าเทอมเกือบล้านยังไม่รวมค่ากิน ค่าอยู่ ค่าเรียนพิเศษ ปี ๆ นึงเราอาจเสีย 1.4 – 1.5 ล้านเท่ากัน แต่ที่อังกฤษวางแผนดีกว่า คุณภาพครูก็ดีกว่า ทุกอย่างดีกว่าเยอะเลย ก็เป็นจุดที่ควรพิจารณานะครับ ตรงนี้ถ้าสนใจเรื่องโรงเรียนที่อังกฤษที่จะไปตอน Year 9 ก็สามารถติดต่อสอบถามได้ครับ
สุดท้ายนี้ ย้ำอีกทีนะครับ โรงเรียนดี ๆ เขาทำ IGCSE กันตั้งแต่ Year 9 รู้แบบนี้แล้ว เตรียมสิ่งที่ดีสุดให้กับลูก ด้วยการวางแผนการเรียนที่ดี และ เลือกที่ที่เหมาะสมให้กับเขานะครับ