เมื่อพูดถึงหลักสูตรอังกฤษ เรามักจะนึกถึงหลักสูตร IGCSE/GCSE และ A-level เพราะเป็นหลักสูตรที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในประเทศอังกฤษ และ นอกประเทศอังกฤษในหลาย ๆ ประเทศรวมถึงประเทศไทย แต่จริง ๆ แล้วหลักสูตรจากประเทศอังกฤษนั้นยังมีอีกหลายหลักสูตรมาก ๆ และวันนี้เราจะมาพูดถึงหลักสูตรจากประเทศอังกฤษอีกตัวหนึ่ง ที่เริ่มมีคนพูดถึงกันมากขึ้น นั่นคือหลักสูตรที่มีชื่อว่า BTEC ครับ

BTEC คืออะไร ?

BTEC ย่อมาจากคำว่า Business and Technology Education Council ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เน้นไปทางสายอาชีพ มากกว่าสายวิชาการ ถ้าจะเปรียบเทียบให้เข้าใจภาพง่ายขึ้น ก็จะคล้าย ๆ กับที่บ้านเรามีสายสามัญ กับ สายอาชีวะ ซึ่ง BTEC นี้เป็นหลักสูตรสายอาชีพที่สามารถเรียนได้ตั้งแต่ระดับก่อน GCSE จนไปถึงระดับมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว

จุดเด่นของหลักสูตร BTEC คืออะไร ?

BTEC เน้นการเรียนและการวัดผล ไปในรูปแบบของการทำ Coursework หรือ Project-based learning แม้ปัจจุบันจะเริ่มมีบางวิชาที่มีการสอบข้อเขียนตามปกติคล้าย ๆ กับ IGCSE/GCSE และ A-level ก็ตาม แต่ก็ยังเน้นหนักไปที่การลงมือทำอยู่ดี ซึ่งก็ตรงตามแนวคิดที่จะเน้นไปที่เรื่องของสายอาชีพ มากกว่าเป็นสายวิชาการเหมือนหลักสูตรอื่น ๆ ทั่ว ๆ ไป

ประเภทของหลักสูตร BTEC ในปัจจุบัน

ประเภทของหลักสูตร BTEC นั้นมีหลากหลายมาก ๆ ยกตัวอย่างเช่น

  • BTEC Firsts ที่ถือว่าเทียบเท่ากับระดับ IGCSE/GCSE
  • BTEC Nationals ที่ถือว่าเทียบเท่ากับระดับ A-level
  • BTEC Higher Nationals ที่ถือว่าเทียบกับ Bachelor Degree ปี 1-2 ในประเทศอังกฤษ

ในบทความนี้ เราจะกล่าวถึง BTEC Nationals กันเพิ่มเติมสักหน่อย เพราะเป็นตัวที่ถือว่าเทียบเท่ากับ A-level และเป็นหลักสูตรที่สามารถใช้ในการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษได้ด้วย ซึ่งอาจจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับเด็ก ๆ บางคนก็ได้ครับ

BTEC Nationals มีเปิดสอนวิชาอะไรบ้าง ?

ปัจจุบัน BTEC Nationals มีเปิดสอนในวิชาต่าง ๆ ที่เด็ก ๆ สามารถสอบเอาวุฒิได้ ดังต่อไปนี้

  • Agriculture
  • Applied Human Biology
  • Applied Psychology
  • Art and Design
  • Children’s Play, Learning, &Development
  • Construction
  • Creative Digital Media Production
  • Enterprise and Entrepreneurship
  • Forestry and Arboriculture
  • Health and Social Care
  • Information Technology
  • Music Technology
  • Uniformed Protective Service
  • Sport and Exercise Science
  • Animal Management
  • Applied Science
  • Applied Law
  • Business
  • Computing
  • Country Side Management
  • Engineering
  • Equine Management
  • Forensic and Criminal Investigation
  • Horticulture
  • Music
  • Performing Arts
  • Sport
  • Travel and Tourism

ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีหลายวิชามาก ๆ ที่มีความเฉพาะเจาะจงเป็นวิชาชีพไปเลย แทนที่จะเป็นวิชาแบบที่วิชาการปกติแบบที่ A-level มีให้เลือกเรียนกัน

BTEC Nationals แบ่งเป็นระดับย่อย ๆ อีก 5 ระดับ

ทั้งนี้ขึ้นกับว่าเด็ก ๆ เลือกเรียนในวิชาต่าง ๆ ในระดับที่ลึกมากแค่ไหน ซึ่งตรงนี้จะมีผลต่อการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษด้วยครับ ซึ่ง 5 ระดับที่ว่านี้คือ

  • Certificate เทียบเท่ากับการเรียน A-level ครึ่งวิชา
  • Extended Certificate เทียบเท่ากับการเรียน A-level 1 วิชา
  • Foundation Diploma เทียบเท่ากับการเรียน A-level 1 วิชาครึ่ง (1.5 วิชา)
  • Diploma เทียบเท่ากับการเรียน A-level 2 วิชา
  • Extended Diploma เทียบเท่ากับการเรียน A-level 3 วิชา

เกรดของ BTEC Nationals

เกรดของหลักสูตร BTEC Nationals นั้นจะไม่ได้เป็นระบบ A* – E เหมือนกับ A-level แต่เป็นระบบที่แบ่งเกรดออกเป็น 4 เกรดจากสูงไปต่ำคือ

  • D* เรียกว่า Distinction* เป็นเกรดสูงสุด เทียบเท่ากับ A* ในหลักสูตร A-level
  • D เรียกว่า Distinction เทียบเท่ากับ A ในหลักสูตร A-level
  • M เรียกว่า Merit เทียบเท่ากับ C ในหลักสูตร A-level
  • P เรียกว่า Pass เทียบเท่ากับ E ในหลักสูตร A-level

ถ้าเกรดต่ำกว่า P คือ Ungraded ก็คือการสอบไม่ผ่าน เหมือนกับ Ungraded ในหลักสูตร A-level ครับ

ทีนี้การได้เกรดของ BTEC Nationals นั้น ขึ้นกับว่าเราทำเป็นระดับไหนด้วย นั่นคือ

  • ในระดับ Certificate, Extended Certificate, และ Foundation Diploma นั้น เกรดที่ได้จะเป็นเกรดแค่ตัวเดียวตั้งแต่ D*, D, M, หรือ P ทั้งนี้น้ำหนักของเกรดที่ได้ใน Foundation Diploma จะสูงกว่า Extended Certificate และสูงกว่า Certificate ตามลำดับ
  • ในระดับ Diploma เกรดที่ได้จะเป็นเกรด 2 ตัว สูงสุดคือ D*D* (เทียบเท่ากับ A*A* ใน A-level) รองลงมาคือ D*D, DD, DM, MM, MP และ PP ซึ่งคือเกรดต่ำสุด
  • ในระดับ Extended Diploma เกรดที่ได้จะเป็นเกรด 3 ตัว สูงสุดคือ D*D*D* (เทียบเท่ากับ A*A*A* ใน A-level) รองลงมาคือ D*D*D, D*DD, DDD, DDM, DMM, MMM, MMP, MPP และ PPP ซึ่งเป็นเกรดต่ำสุด

BTEC Nationals เป็นที่ยอมรับจากมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษมากแค่ไหน ?

ทาง Pearson ซึ่งเป็นเจ้าของหลักสูตร BTEC อ้างว่าตอนนี้ 95% ของมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษให้การยอมรับหลักสูตร BTEC Nationals ซึ่งแน่นอนว่ามหาวิทยาลัยระดับท็อปสุดในอังกฤษ ณ ปัจจุบันอย่าง Oxford, Cambridge, Imperial นั้นไม่ได้รับหลักสูตร BTEC Nationals ให้เป็นหลักสูตรที่ใช้ในการสมัครเรียนได้ เพราะว่าหลักสูตร BTEC Nationals เน้นไปทางสายอาชีพ มากกว่าความเป็นสายวิชาการอย่างที่มหาวิทยาลัยเหล่านี้เป็น

อย่างไรก็ดี มหาวิทยาลัยระดับท็อปด้าน Electrical Engineering อย่าง Southampton นั้น ผู้สมัครสามารถใช้ BTEC Nationals Extended Certificate (ซึ่งเทียบเท่ากับ A-level 1 วิชา) คู่กับ A-level อีก 2 วิชา เพื่อใช้ในการสมัครได้ เพราะถือว่าเป็นสาขาที่มีความเป็นวิชาชีพระดับหนึ่ง อย่างไรก็ดี มหาวิทยาลัยกลับประกาศไว้ชัดเจนว่า ไม่รับ BTEC Nationals Diploma หรือ BTEC Nationals Extended Diploma ในขณะที่ Exeter ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยระดับท็อปในด้าน Business Management กลับระบุเอาไว้ว่ารับวุฒิ BTEC Nationals Extended Diploma ด้วยเกรด DDD (Distinction 3 ตัว)ในการสมัครเข้าสาขา Business Management

จากตัวอย่างข้างต้นจะเห็นได้ว่า เราไม่สามารถคาดเดาด้วยตัวเองได้ว่า BTEC Nationals จะเป็นที่ยอมรับของมหาวิทยาลัยที่เราต้องการหรือไม่ หรือเป็นที่ยอมรับมากแค่ไหน เพราะฉะนั้นเพื่อความปลอดภัย หากตัดสินจะเรียน BTEC Nationals และใช้เป็นวุฒิในการสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ ให้ตรวจสอบ Entry Requirements ของมหาวิทยาลัยดี ๆ และสอบถามไปก่อนว่าสามารถใช้ BTEC Nationals ได้หรือไม่ ใช้ระดับไหน Extended Diploma ได้หรือไม่ หรือต้องใช้ Extended Certificate ปนกับ A-level จะได้ไม่ผิดพลาดในการสมัครครับ

สรุปแล้ว BTEC ก็เป็นอีกหลักสูตรการศึกษา ซึ่งอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับเด็ก ๆ บางคน มากกว่าหลักสูตรอย่าง IGCSE/GCSE และ A-level เพราะเน้นไปที่เรื่องของการลงมือทำ Coursework หรือ Project ต่าง ๆ มากกว่าการทำข้อสอบ ทั้งนี้ การหาความรู้เกี่ยวกับหลักสูตรให้ดี ๆ แล้วพิจารณาให้เหมาะสมกับตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดครับ

สุดท้าย ที่อยากจะฝากไว้ก็คือ BTEC ไม่ได้ง่ายกว่าหลักสูตรสายวิชาการในอังกฤษอย่าง IGCSE/GCSE และ A-level นะครับ ถ้าจะเลือก BTEC เพราะคิดว่าเรียนง่ายกว่าเรียนสบายกว่าคือคิดผิดครับ ถ้าจะเลือกให้เลือกเพราะตัวเองเหมาะสมที่จะเรียนหลักสูตรนี้จริง ๆ เท่านั้นครับ