ประเด็นยอดฮิต ที่คุณพ่อคุณแม่ชอบนำมาปรึกษาก็คือ ลูกติดเกมทำอย่างไรดี จะห้ามลูกเล่นเกมดีไหม หรือจะให้เขาเล่นได้แต่ให้เขาจัดสรรเวลาในชีวิตให้เหมาะสม หรือหาอย่างอื่นให้ลูกทำดี จะว่าไปคำตอบของคำถามที่ว่า ลูกติดเกมทำอย่างไรดีนั้น ถ้าจะแก้ให้ได้ ก็ต้องเข้าใจต้นตอก่อนว่า ที่เขาติดเกมนั้นมันมาจากอะไร

ทุกคนอยากประสบความสำเร็จ

ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็อยากจะมีช่วงเวลาดี ๆ ในชีวิต ที่รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า รู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จ และส่วนใหญ่คำว่าประสบความสำเร็จมันมักจะมีเรื่องของการเปรียบเทียบเข้ามาเกี่ยวข้อง ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีเงินมากกว่า ก็ถือว่าประสบความสำเร็จกว่า ถ้าก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากกว่า ก็ถือว่าประสบความสำเร็จกว่า เป็นต้น และแน่นอนว่าความรู้สึกนี้ก็เกิดขึ้นกับเด็ก ๆ เหมือนกัน

เด็ก ๆ ที่เป็นนักกีฬา เป็นตัวแทนโรงเรียนก็อยากจะแข่งให้ชนะ เด็ก ๆ ที่ตั้งใจเรียน ก็อยากจะสอบให้ได้เกรดดี ๆ สิ่งเหล่านี้นับว่าเป็นความสำเร็จที่เด็ก ๆ แต่ละคนอยากได้ และแน่นอนว่าการเล่นเกมให้เก่ง การเล่นเกมให้ชนะเพื่อน การได้คะแนนเยอะ ๆ มันก็กลายเป็นเป้าหมาย และนับว่าเป็นการประสบความสำเร็จสำหรับเด็กบางคนเช่นกัน

ทำไมเด็กถึงเลือกที่จะประสบความสำเร็จในการเล่นเกม มากกว่าเรื่องของการเรียน

คำตอบก็คือ ก็เพราะมันง่ายกว่าครับ โดยธรรมชาติแล้วสมองเราเป็นอวัยวะที่ขี้เกียจ มันพยายามจะหาทางไหนก็ได้ที่ง่ายที่สุดในการทำสิ่งต่าง ๆ มันจะไม่เคยชินกับการทำอะไรใหม่ ๆ มันจะไม่ชอบการทำอะไรที่ซับซ้อน เพราะยิ่งมันทำอะไรวุ่นวายแค่ไหน ร่างกายยิ่งต้องใช้พลังงานมากขึ้นแค่นั้น และมันถูกสร้างมาให้ช่วยหาทางประหยัดพลังงานให้ร่างกายให้มากที่สุด

เพราะฉะนั้นในแง่ของความสำเร็จ อะไรง่ายกว่ามันก็เลือกที่จะไปทำสิ่งนั้น การเล่นเกมให้ชนะ ย่อมง่ายกว่าการเรียน เพราะเล่นเกมชนะหรือไม่ชนะ ภายในไม่กี่นาที หรือ ไม่กี่ชั่วโมงก็รู้ผลกันแล้ว แต่การเรียนนั้นมันไม่ใช่ กว่าจะสอบ กว่าจะผ่านขึ้นชั้นใหม่ ๆ กว่าจะเรียนจบ มันช่างดูยาวไกล มันดูมีอะไรต้องทำเต็มไปหมด เมื่อเทียบกันแล้ว การรู้สึกดี การรู้สึกประสบความสำเร็จจากการเล่นเกม มันง่ายกว่าเยอะเลย

นอกจากความยาก ความเชื่อก็เป็นเรื่องสำคัญ

เด็กติดเกมหลายคน มีพื้นฐานการเติบโตมาจากความรู้สึกที่ว่าตัวเองไม่เก่ง และคนที่ทำให้เด็ก ๆ เชื่อว่าตัวเองไม่เก่งได้มากที่สุดบ่อยครั้งก็คือพ่อแม่นั่นแหละครับ เช่น มีการเปรียบเทียบลูกของตัวเอง กับลูกของเพื่อนตั้งแต่เด็ก ๆ ว่าลูกคนอื่นเขาเก่งกว่าอย่างนั้นอย่างนี้ หรือเวลาลูกของตัวเองสอบได้คะแนนไม่ดี แทนที่จะมาหาทางออกร่วมกันว่าจะพัฒนาตัวเองอย่างไร กลับพุ่งเป้าไปที่ผลลัพธ์ ตำหนิลูกเกี่ยวกับเกรดไม่ดีที่ได้มา

ยิ่งในวัยเด็กมาก ๆ คุณพ่อคุณแม่พูดอะไร มันฝังลึกเข้าไปในใจเขานะครับ ถ้าบอกว่าเขาไม่เก่ง บอกว่าเขาไม่ได้เรื่อง เขาก็จะเชื่ออย่างนั้น พอเขาเชื่ออย่างนั้นว่าเขาทำไม่ได้หรอกในเรื่องของการเรียน แต่ด้วยความที่อยากประสบความสำเร็จในชีวิต เขาก็จะวิ่งออกไปหาทางอื่น และอย่างที่กล่าวไปแล้ว เกมเป็นเรื่องที่ง่าย ใช้เวลาน้อยในการพิสูจน์ตัวเอง และสามารถประสบความสำเร็จได้ซ้ำ ๆ เพราะฉะนั้นเขาจึงวิ่งไปหาการเล่นเกม

ที่น่าเป็นห่วงกว่านั้นคือ บางครั้งมันอาจไม่ใช่เรื่องเกม แต่เป็นเรื่องที่อันตราย อย่างเช่นเรื่องของยาเสพติด เรื่องของพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมทางเพศ เพราะเรื่องพวกนี้เมื่อกล้าทำ มักจะถูกมองว่าเป็นผู้นำของกลุ่ม เป็นฮีโร่ของเพื่อน ๆ นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกประสบความสำเร็จ เขาก็จะยิ่งรู้สึกภูมิใจ และเขาก็จะยิ่งหนีออกห่างจากเรื่องเรียน ซึ่งเป็นทางที่ดูแล้วประสบความสำเร็จได้ยากกว่าออกไปเรื่อย ๆ

ในเมื่อเรากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ เราจะทำอย่างไรได้บ้าง

สิ่งที่ไม่ได้ผลแน่ ๆ คือการห้ามเล่นเกม เพราะถ้าปัจจุบันเกมเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาภูมิใจ ที่เขาประสบความสำเร็จได้ การห้ามเล่นเกมจะไม่ต่างอะไรกับการทำลายชีวิตเขา เขาจะต่อต้านมาก ๆ เพราะเป็นใคร เขาก็ไม่ยอมหรอกครับที่จะให้คนอื่นมาทำให้เขาไม่ประสบความสำเร็จ ใช่ครับ เขาจะมองคุณพ่อคุณแม่เป็นคนอื่นทันที

สิ่งที่ได้ผลดีกว่าคือ การทำทุกอย่างแบบค่อยเป็นค่อยไป ชวนเขาคุยถึงคุณค่าในตัวเอง ลองสังเกตดูว่าเรื่องอื่น ๆ ในชีวิตเรื่องไหนอีกบ้างที่เขาสนใจ ชวนเขาคุย ให้เวลากับเขา ชวนเขาทำอะไรใหม่ ๆ เด็กบางคนชอบเรื่องธุรกิจ ชวนเขาคุยว่าเราทำธุรกิจอะไรร่วมกันได้บ้างตั้งแต่วัยนี้ บางคนจริง ๆ ยังชอบเรียนหนังสืออยู่ แต่ลองทำให้มันสนุกขึ้น คือแทนที่จะบังคับให้อ่านหนังสือเรียนเป็นตั้ง ๆ ลองเอาเรื่องราวในชีวิตประจำวันที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยกันดู

เมื่อเริ่มสร้างความสนใจใหม่ให้กับเขา แล้วเขาเห็นว่าเขาจะไปได้ดีทางนี้ได้เช่นกัน เขาจะเริ่มอยากลองเดินในเส้นทางใหม่ บ่อยครั้งที่เส้นทางเหล่านี้ มันจะเกี่ยวข้องกับการเรียน คืออย่างน้อยต้องมีความรู้และทักษะจากการเรียนมาประกอบถึงจะทำให้เดินไปสู่ความสำเร็จได้ เขาจะค่อย ๆ รู้สึกดีกับการเรียนมากขึ้น และเมื่อรู้สึกดีกับการเรียนได้มากขึ้น เขาอาจจะเริ่มเล่นเกมน้อยลง เพราะก็เริ่มเจอหนทางที่จะรู้สึกดี และประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน

แต่สุดท้าย เขาจะเลิกเล่นเกมไปเลยหรือยังเล่นอยู่ก็ไม่ใช่ประเด็นนะครับ เพราะถ้าเขาเริ่มเดินในทางที่ถูกต้องได้ นั่นก็เพียงพอแล้ว

ใส่ใจกับความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างทางเสมอ

คุณพ่อคุณแม่มีบทบาทที่สำคัญที่สุดในการให้กำลังใจนะครับ ทุกครั้งที่เขาประสบความสำเร็จในการเรียน ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม เราต้องย้ำกับเขาว่าเขาทำถูกแล้ว เขามาถูกทางแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคะแนนสอบย่อย หรือแม้กระทั่งการทำการบ้านให้เสร็จก่อนนอน แล้วเข้านอนได้ตรงตามเวลา หรือการที่เขาเริ่มค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ที่เขาสนใจด้วยตัวเอง เหล่านี้เป็นสิ่งที่เราให้กำลังใจเขาได้เสมอ และแน่นอนครับว่านั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ เพราะระหว่างที่เขากำลังจะประสบความสำเร็จนั้น เขาต้องการใครสักคนที่ชื่นชมเขา และลึก ๆ เขาก็ต้องการจากคุณพ่อคุณแม่ที่สุดนั่นแหละครับ

ข้อได้เปรียบของเกมคือ เด็ก ๆ ประสบความสำเร็จได้ซ้ำ ๆ รู้สึกภาคภูมิใจได้ซ้ำ ๆ จากการเล่นชนะ เพราะฉะนั้น ความสำเร็จใด ๆ เรื่องการเรียน เล็กน้อยแค่ไหน คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความสำคัญ ให้เขารู้สึกประสบความสำเร็จซ้ำ ๆ ภูมิใจซ้ำ ๆ ให้ได้เช่นกัน

ส่วนในทางตรงกันข้าม ถ้ามีความล้มเหลว ความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกิดขึ้นระหว่างทาง เราไม่จำเป็นต้องตำหนิกัน เราแค่ต้องนั่งคุยกันว่าสาเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร ต่อจากนี้เราจะทำอย่างไร และสำคัญที่สุดคือคุณพ่อคุณแม่ต้องบอกเขาว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คุณพ่อคุณแม่จะอยู่กับเขา และคอยให้กำลังใจเขาเสมอ

ลองชวนให้ลูก ๆ เห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเขาเอง

การประสบความสำเร็จว่าดีแล้ว แต่ความรู้สึกภาคภูมิใจในตนเองที่ได้ทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นนั้นเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่า คุณพ่อคุณแม่ลองชวนลูก ๆ คุยดูครับว่า เขาคิดว่าอีก 10 หรือ 20 ปีข้างหน้าต่อจากนี้เขาจะทำอะไร เขาเก่งเรื่องอะไร เขาทำอะไรได้ดี และเขาสามารถช่วยเหลือคนอื่นและเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นในเรื่องไหนได้บ้าง

เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่คุยกันไม่กี่วันแล้วจบ แต่มันคือเรื่องที่ต้องพูดคุยกันไปเรื่อย ๆ แล้วเขาจะค่อย ๆ เห็นครับว่าเขามีคุณค่ามากมายที่สามารถสร้างสิ่งดี ๆ ให้คนอื่นได้ เมื่อเด็ก ๆ เขาเริ่มเห็นเส้นทางที่ว่า ว่านี่คือเส้นทางที่เขาจะประสบความสำเร็จและมีประโยชน์ต่อผู้อื่น เขาจะเริ่มอยากเดิน และเริ่มทำเหตุปัจจัยต่าง ๆ ให้ถูกต้อง

สุดท้าย เขาจะตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน โดยไม่จำเป็นต้องมานั่งบังคับกันให้ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน เขาจะอยากทำของเขาเอง เพราะเขารู้แล้วเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ถูกต้อง เป็นเส้นทางที่เขาถูกกำหนดมาให้เดิน เป็นเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดในชีวิตของเขา

สรุปแล้ว เด็กติดเกมเป็นเรื่องปกติของชีวิตที่ต้องการขึ้นชื่อว่าประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่แค่ช่วยเขาให้เห็นว่ามีทางที่น่าสนใจอีกมากมายที่เหมาะกับเขา ที่เขาจะประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกัน

ที่สำคัญที่สุด ให้กำลังใจเขาเยอะ ๆ นะครับ นั่นคือสิ่งที่ลูก ๆ เขาต้องการมากที่สุดเลยครับ