นอกจากเยี่ยมชมโรงเรียน และพูดคุยกับอาจารย์จาก University ต่าง ๆ แล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับทริปอังกฤษครั้งนี้ของครูจ๋อมแจ๋ม ครูเดียร์ ครูปุ้ม และผม คือการได้เจอกับเด็ก ๆ ที่เราส่งมาเรียนแล้วที่นี่ เพื่อพูดคุยกันว่ามาอยู่แล้วเป็นอย่างไรบ้าง
แม้ความตั้งใจคืออยากเจอทุกคน แต่เราก็เจอได้ไม่กี่คนเท่านั้น เพราะน้อง ๆ ส่วนใหญ่นั้น ยุ่งมาก ๆ แต่เป็นคำว่ายุ่งที่เราได้ยินแล้วมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นเรียนยุ่ง กิจกรรมยุ่ง เพราะการยุ่งในสิ่งที่ดีและมีประโยชน์นั้น แปลว่าเขากำลังสนุกกับชีวิตอย่างเต็มที่
เราชวนเด็ก ๆ ที่ Oxford International College หรือ OIC มากินข้าวที่ร้านอาหารไทยข้าง ๆ โรงเรียนด้วยกันหลังเลิกเรียน บางคนโตขึ้นจนเราจำแทบไม่ได้ ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอก แต่ยังรวมถึงวิธีคิดที่โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก ๆ
ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า OIC เรียนหนัก แต่ในความเหมือนกันนี้ เราก็ยังเห็นความแตกต่างว่าบางคนก็ยังพาตัวเองไปทำกิจกรรมได้มากถึง 4 – 5 อย่าง ซึ่งนี่คือข้อดีของอิสรภาพที่โรงเรียนให้ในการเลือกได้ว่าชีวิตของตัวเองจะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง แต่ต่อให้เลือกได้ หน้าที่หลักซึ่งคือการเรียนก็ต้องไม่เสีย
จากเด็กที่สมัยเรียนที่เรา บางทีก็ต้องจ้ำจี้จำไช ให้เข้าเรียนให้ตรงเวลา ให้ตื่นเช้า ๆ มาเรียนหนังสือ ปัญหาเหล่านั้นหมดไปโดยสิ้นเชิง จากระบบโรงเรียนที่นี่ที่จริงจังกับเรื่องนี้ ที่ทำให้เด็ก ๆ หลาย ๆ คนมีวินัยในตัวเองและรับผิดชอบกับชีวิตได้ดีขึ้น
เราได้เจอกับเด็กกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มหนึ่งที่ Concord College เป็นการเจอกันสั้น ๆ หลังเลิกเรียน ก่อนที่จะแยกย้ายไปทำกิจกรรมต่าง ๆ กันต่อ เด็กคนหนึ่งเราเจอเขาตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ ตอนนี้อยู่ Year 12 แล้ว เห็นแล้วก็ภูมิใจที่โตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ได้ขนาดนี้
ที่ Concord College นี้ ทุกคนดูยุ่งมาก ๆ เลิกเรียนเหมือนผึ้งแตกรัง ทุกคนมาวนเวียน ๆ ตรงโถงชั้นล่างของโรงเรียนแค่ไม่นาน ก็หายไปคนละทิศละทางเพื่อจัดการเรื่องของตัวเองต่อ เด็ก ๆ กลุ่มที่เราได้คุยด้วยกำลังจะต้องไปเข้าคลินิกทางวิชาการในวิชาที่ตัวเองสนใจ เพื่อเรียนเสริมในจุดที่ยังไม่แม่นและไม่เข้าใจ นี่คือระบบที่ยอดเยี่ยมของโรงเรียนนี้ ที่หาทางดูแลให้ดีที่สุดเพื่อให้เด็ก ๆ เอาตัวรอดต่อไปได้
การทำให้เด็กยุ่งเข้าไว้เป็นเรื่องที่ดี เด็กทุกคนที่เราได้เจอที่นี่ มีเป้าหมายชัดเจนว่าเดี๋ยวจะต้องไปทำอะไร ไม่มีใครที่นั่งเรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ รอให้โอกาสวิ่งเข้ามาหา มีแต่คนที่วิ่งเข้าไปหาโอกาสเท่านั้นสำหรับการมาอยู่ที่นี่
ถ้าบอกว่าที่ OIC หรือ Concord College เด็ก ๆ ค่อนข้างยุ่งแล้ว ที่ ISCA หรือ International School of Creative Arts ก็ไม่ต่างกัน เราเจอเด็กเราเกือบครบทุกคนตอนที่ไปเยี่ยมโรงเรียน แต่ละคนกำลังทำงาน Art ตัวเองอยู่ แล้วก็วิ่งออกมาทักทายกัน ทักทายเสร็จ คุยนิดหน่อย ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก แล้วก็กลับไปลุยงานของตัวเองต่อ
เด็กคนหนึ่งเล่าให้เราฟังว่า ปีแรกที่มาเรียน ก็ยังต้องฟังครูสอน ทำตามที่ครูบอกเยอะ พอขึ้นปีสอง ก็ได้อิสระเต็มที่ในการสร้างสรรค์ผลงานต่าง ๆ ตามที่ต้องการได้ คราวนี้ยิ่งสนุกกันไปใหญ่ ทำงานลืมวันลืมคืน เหนื่อยแต่มีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก
หรือเด็ก Homeschool ของเราคนหนึ่งก็เปลี่ยนไปมาก เมื่อได้มาอยู่ที่นี่ ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น สามารถเล่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ได้อย่างชัดเจน และที่สำคัญคือมีความสุข มีรอยยิ้ม เพราะตามหาสิ่งที่ตัวเองรักมานานจนเจอแล้ว และยิ่งได้มาอยู่ในที่ที่ส่งเสริมให้เราทำสิ่งที่รักได้อย่างเต็มที่ ยิ่งมีความสุขเข้าไปใหญ่
นอกจากเด็กโรงเรียนแล้ว เราได้มีโอกาสพูดคุยกับเด็ก Homeschool ของเราที่กำลังเรียนที่อยู่ที่ UCL (University College London), KCL (King’s College London), และ UAL (University of the Arts London) ในมื้ออาหารค่ำมื้อหนึ่ง
เด็กคนหนึ่งบอกว่าต้องทำ Research และ เขียน Essay ส่งเป็นหลักพัน ๆ คำทุกสัปดาห์ อีกคนก็บอกว่าจากเมื่อก่อนที่คิดแต่ว่าจะสอบให้ได้คะแนนเต็ม ตอนนี้แค่ต้องเรียนให้รอดก็ท้าทายมาก ๆ แล้ว ใครฟังตอนแรกอาจเกิดคำถามว่า ทำไมถึงต้องลำบากขนาดนี้ แต่จากการที่เราได้เห็นเด็ก Homeschool กลุ่มนี้มาตั้งแต่ต้น เราก็ได้แต่ชื่นชมและยินดีว่า ทุกคนโตขึ้นกว่าเดิมอีกระดับหนึ่งแล้ว
จากเด็กที่เงียบ ๆ ไม่ค่อยพูดคุยกับใคร เราเห็นเขาเล่าถึงความสุขของการที่ได้ไปเรียนแล้วได้เจอเพื่อน ๆ หรือจากเด็กที่ไม่มีความมั่นใจอะไรในชีวิต แต่สามารถที่จะใช้ชีวิตได้ในเมือง London ที่แสนจะวุ่นวาย แถมยังจัดการดูแลรับผิดชอบชีวิตของตัวเองได้ดีในทุก ๆ เรื่อง นี่คือสิ่งที่เราได้เห็นในวันนั้นแล้วรู้สึกสบายใจ
นอกจากได้เรียนในโรงเรียนและ University ที่ดี นอกจากได้เจออาจารย์เก่ง ๆ และเพื่อนที่ดีแล้ว การที่ได้เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เข้มแข็งขึ้น รับผิดชอบชีวิตตัวเองดีขึ้น นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่ได้จากการไปเรียนเมืองนอก
ที่สำคัญที่สุดคือ เรามั่นใจว่า พวกเขาเอาตัวรอดได้แน่นอน ขนาดเรายังสบายใจขนาดนี้ พ่อแม่จะสบายใจแค่ไหน อะไรจะดีไปกว่าการได้รู้ว่า ต่อจากนี้ลูกของเราจะเอาตัวรอดได้แล้ว ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามในชีวิต เพราะเขาเติบโตขึ้นแล้วจากการได้มาที่นี่ … จริงไหมครับ