หลักสูตรการศึกษาแห่งชาติของประเทศอังกฤษเค้าจัดการเรียนการสอนกันแบบไหนกันนะ

หลักสูตรแห่งชาติของประเทศอังกฤษจะจัดการเรียนการสอนสำหรับเด็กในแต่ละช่วงวัยหรือระดับชั้นเด็กๆควรจะเรียนรู้อะไรบ้างโดยหลักสูตรจะถูกแบ่งหลักๆออกเป็น 4 ขั้นด้วยกัน ทุกๆโรงเรียนในอังกฤษจำต้องเป็นจะต้องจัดหลักสูตรการเรียนการสอนตามหลักสูตรแห่งชาติแต่อย่างไรก็ตามบางโรงเรียนสามารถเพิ่มโปรแกรมหรือกิจกรรมบางอย่างที่ช่วยเพิ่มพูนความรู้หรือทักษะให้กับเด็กๆได้อีกด้วย 

วันนี้เราจะมาเรียนรู้หลักสูตรของแห่งชาติของประเทศอังกฤษกันครับ

โดยหลักสูตรอังกฤษจะเรียนแต่ละขั้นว่า Key stage ซึ่งในแต่ละ Key stage ก็จะมีตัวชี้วัดและทักษะที่ต้องการจะประเมินที่แตกต่างกันไปครับ 


Early years (foundation stage) จะเป็นการปรับพื้นฐานในช่วงปีแรกๆสำหรับเด็กที่อยู่ในช่วงพึ่งเกิด – อายุ 5 ขวบ

โดยโรงเรียนจะเน้นการสอนผ่านการเล่นและเกมต่างๆ โดยเนื้อหาจะครอบคุลมในเรื่องเหล่านี้ครับ 

  • การสื่อสารและภาษา (Communication and language)
  • การพัฒนาทางกายภาพ ( Physical development) 
  • การพัฒนาส่วนบุคคล สังคมและอารมณ์ (Personal, social and emotional development)
  • การอ่านและเขียน (Literacy) 
  • คณิตศาสตร์ (Mathematics) 
  • การเข้าใจโลกภายนอก (Understanding the world) 
  • การแสดงออกทางศิลปะและการออกแบบ ( Expressive art and design) 

สำหรับในช่วงถัดมาคือ Key stage 1 และ 2 จะเป็นเด็กที่อยู่ในช่วงอายุ 5 – 11 ขวบ ซึ่งใน Key stage 1 จะนับตั้งแต่ช่วง Year 1 – Year 2 (อายุตั้งแต่ 5 – 7 ขวบ) 

ใน Key stage  2 จะนับตั้งแต่ Year 3 – Year 6 (อายุตั้งแต่ 7 – 11 ขวบ) ซึ่งวิชาที่เด็กๆจะถูกบังคับให้เรียนคือวิชาดังต่อไปนี้ครับ

  • English
  • Maths
  • Science
  • Design and technology
  • History
  • Geography
  • Art and design
  • Music
  • Physical education (PE), including swimming
  • Computing
  • Ancient and modern foreign languages ( สำหรับเด็กในช่วง key stage 2)

โรงเรียนส่วนใหญ่จะมีการสอนวิชาเหล่านี้เพิ่มเติมลงไปด้วยเพื่อให้เด็กๆมีความรู้ที่ครอบคลุมกับการใช้ชีวิตในสังคม เช่น

  • Personal, social and health education (PSHE) 
  • Citizenship 
  • Modern Foreign languages (สำหรับเด็กช่วง Key stage 1 ) 
  • Sex education (เด็กสามารถเลือกที่จะไม่เรียนได้) 
  • Relationship and health education 
  • Religious education (RE)  (เด็กสามารถเลือกที่จะไม่เรียนได้) 

ซึ่งถ้าเราดูจากรายวิชาด้านบนนอกเหนือจากทางด้านวิชาการที่ครอบคลุมความรู้ที่จำเป็นเกือบทุกด้านให้กับเด็กๆแล้ววิชาทักษะชีวิตอย่าง Personal, social and health education (PSHE) ให้เด็กๆมีความพร้อมกับการรับมือปัญหาส่วนตัว ส่วนรวม การเงินและสุขภาพได้อย่างถูกต้องอีกด้วย ยังไม่นับประโยชน์ที่เด็กๆจะได้รับจากการเรียนภาษามากถึง 3 ภาษา อย่าง

  • วิชา English
  • Classical หรือ Ancient Language อย่าง Latin เรียนรู้รากศัพท์ของแต่ละภาษาอีกด้วย
  • Modern Foreign Language จะเป็นการเรียนเกี่ยวกับภาษาที่ใช้กนัอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เช่น French, German, Spanish หรือ Mandarin 

สำหรับขั้นถัดมาคือ Key stage 3

จะเป็นเด็กที่อายุตั้งแต่ 11 – 14 ขวบ หรือตั้งแต่ Year 7 – Year 9 สำหรับวิชาบังคับจะมีความคล้ายคลึงกับใน Key stage 2 แต่บางวิชาอาจจะไม่ได้เรียนแล้วในช่วง Key stage 3 อย่างเช่นวิชา Classical or Ancient languages  

สำหรับวิชาใน Key stage 3 สามารถดูเพิ่มเติมได้ล่างเลยครับ 

  • English
  • Maths
  • Science
  • History
  • Geography
  • Modern foreign languages
  • Design and technology
  • Art and design
  • Music
  • Physical education
  • Citizenship
  • Computing

โรงเรียนส่วนใหญ่จะมีการสอนวิชาเหล่านี้เพิ่มเติมลงไปด้วยเพื่อให้เด็กๆมีความรู้ที่ครอบคลุมกับการใช้ชีวิตในสังคม เช่น 

  • Relationships, sex and health education 
  • Religious education (RE) 

สำหรับขั้นสุดท้ายคือ Key stage 4

จะเป็นเด็กตั้งแต่อายุ 14 – 16 ขวบ หรือช่วง Year 10 – Year 11 โดยเด็กๆจะได้เรียนหลักสูตรที่มีชื่อว่า GCSE หรือย่อมาจาก (General Certificate of Secondary Education) เป็นที่รู้จักกันในบ้านเราว่า IGCSE  (International General Certificate of Secondary Education) เนื่องจากหลักสูตรอังกฤษให้ความสำคัญกับการค้นหาตัวตนของเด็กๆให้เจอและส่งเสริมให้เด็กได้ทำในสิ่งที่ชอบ เด็กๆจะมีโอกาสได้เลือกวิชาที่ตัวเองอยากเรียนและสอดคล้องกับสาขาที่ต้องการเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้อีกด้วย  โดยปกติจะเริ่มเลือกวิชาได้ในช่วง Year 10 เทอม 1 ครับ

วิชาหลักหรือ Core subject ที่เด็กๆจะได้เรียนคือ English Maths และ Science 

นอกจากวิชาหลักหรือ Core subject แล้วเด็กๆจะได้เรียนวิชา Foundation อีกด้วย ซึ่งวิชา Foundation จะช่วยทำให้เด็กได้เรียนรู้ทักษะและความรู้ที่จำเป็นจะต้องใช้ในอนาคตอีกด้วย โดยจะมีวิชาเหล่านี้ครับ 

  • Computing
  • Physical Education
  • Citizenship 

นอกจากวิชาด้านบนที่โรงเรียนควรจะเตรียมให้เด็กๆแล้วจะมีวิชาอื่นๆที่ครอบคลุมที่ด้านที่เด็กสนใจอีกด้วยเช่นวิชาเหล่านี้ 

  • Arts 
  • Design and technology 
  • Humanities 
  • Modern foreign languages
  • โรงเรียนส่วนใหญ่ที่อังกฤษจะยังคงเสริมให้เด็กเรียนวิชา Relationships, sex and health education และวิชา religious education (RE) อีกด้วย

ถ้าเราดูจากตารางด้านล่างวิชาที่เป็นวิชาหลักสำหรับทุก Key Stage คือวิชา English, Math และ Science และสำหรับบางวิชาที่เป็นวิชาเลือกโรงเรียนสามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการเรียนการสอนและการเรียนรู้ของเด็กในแต่ละช่วงวัยได้อีกด้วย 

นอกเหนือจากวิชาเหล่านี้หลายๆโรงเรียนส่วนใหญ่จะมีบังคับให้เรียนวิชา Religious education และ Sex and Relationship education อีกด้วย แต่ผู้ปกครองหรือน้องๆคนไหนที่ไม่ต้องการเรียนวิชาเหล่านี้สามารถแจ้งทางเรียนได้อีกด้วยครับ 

สำหรับใครที่ต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักสูตรแห่งชาติของประเทศอังกฤษสามารถอ่านได้ที่ Link ด้านล่างได้เลยครับ

https://www.gov.uk/national-curriculum

สำหรับใครที่สนใจโรงเรียนที่อังกฤษสามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ทีมงาน APSthai ได้เลยครับ 
สาขาสีลม: 084-320-1789
สาขาหลักสี่ : 083-179-9630