รู้หรือไม่ IGCSE มีความสำคัญมาก?

ถึงแม้ว่ามหาวิทยาลัยจะดูที่คะแนน A-Level และส่วนที่เป็น Born to be ของเราเป็นหลักก็ตาม แต่ในบางมหาวิทยาลัยที่ท็อปมาก ๆ ก็อาจจะดูไปจนถึงขั้นคะแนน IGCSE ของเราเลย โดยให้เราเลือกคะแนน 5 วิชาที่ดีที่สุดใน IGCSE เหตุผลที่เป็นเช่นนี้เพราะระบบอังกฤษต้องการคนที่มีความสม่ำเสมอ (Consistency) ในการเรียนมาก เพราะฉะนั้นถ้าเคยได้คะแนนมาไม่ดีในบางวิชาใน IGCSE ก็จะทำให้โปรไฟล์ของเราอ่อนลงได้เมื่อเทียบกับคนที่ทำคะแนนดีมาอย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้จะทำคะแนนได้ดีใน A-Level ก็ตาม เพราะฉะนั้นถ้าอยากเรียนในมหาวิทยาลัยที่ท็อป เราก็ต้องทำคะแนน IGCSE ให้ดีที่สุด เพื่อให้เรามีโอกาสเลือกเส้นทางในชีวิตได้หลากหลายมากขึ้นค่ะ
เพื่อให้มีผล IGCSE ที่ดี มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?

Step 1: Choose the right subjects for your IGCSE
แน่นอนว่าถ้าอยากมีคะแนน IGCSE ที่ดี นอกจากจะต้องตั้งใจเรียนในแต่ละวิชาให้ดีแล้ว สิ่งที่สำคัญมากก็คือ ‘เราต้องเลือกวิชาใน IGCSE ให้ถูกต้องแต่แรก’ แล้วเครื่องมือที่จะช่วยให้เราเลือกวิชาได้ครอบคลุมและถูกต้องก็คือการทำ Career Test
- วางแผนการเรียนด้วยการทำ Career Test
Career Test คือ ชุดของแบบทดสอบทางจิตวิทยาที่ช่วยค้นหาศักยภาพและความถนัดของบุคคล เพื่อค้นหาอาชีพที่ใช่และเหมาะสมมากที่สุด โดยชุดทดสอบ Career Test ของทาง APSthai จะประเมินผลใน 3 ด้าน คือ
1. Interest ความสนใจ บอกถึง ความสุข ความสนใจของน้อง ๆ ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนความต้องการทั้งในการเรียนและการทำกิจกรรมต่าง ๆ
2. Personality บุคลิก ลักษณะนิสัย จะบอกถึงสไตล์ในการเรียน การทำงาน เป็นอีกส่วนสำคัญในการกำหนดบทบาทหน้าที่ (Role) หรือรูปแบบการทำงาน (Character)
3. Aptitude 7 ด้าน คือการวัดความสามารถ ความถนัด ของน้อง ๆ ว่ามี Talent ทางด้านไหน Career Test ที่ดี ควรวัดความถนัดของน้อง ๆ ให้ครอบคลุมในทุก ๆ ด้าน
และสุดท้ายจะมี List ของอาชีพออกมาให้ เพื่อใช้ในการวางแผนการเรียนของน้องต่อไปค่ะ
- ติดตามผลการเรียนด้วยการ Re-consult
คนที่เคยทำ Career Test ไปแล้ว และมีการวางแผนการเรียนไปแล้ว สิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือ ‘การทำตามแผนให้ได้’ เพราะฉะนั้นการกลับมา Re-consult อยู่เรื่อย ๆ ก็เป็นเรื่องที่ดีที่ควรทำ เพราะเราอาจจะลืมว่าเราต้องทำอะไรต่อไปบ้าง หรือบางคนมีแผนการเรียนแบบใหม่ที่ตัวเองเพิ่งจะตัดสินใจได้ การกลับมาคุยกันก็จะช่วยให้แผนการเรียนของเราคมมากขึ้น และถ้าเกิดว่ากำลังเลือกผิดหรือกำลังหลงทาง ก็จะได้ช่วยกันปรับแผนให้กลับมาเข้าที่เข้าทางมากขึ้น
หรือต่อให้ไม่เคยมาทำ Career Test เลย แต่เคยมีโอกาสมาพูดคุยกัน การกลับมาคุยกันอีกครั้งก็จะช่วยทำให้เกิดไอเดียใหม่ ๆ มากขึ้น เช่น สิ่งที่ต้องทำมากขึ้นในแต่ละ Year เป็นต้น
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การมาคุยแผนการเรียนอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งเป็นผลดีกับเรา เพราะนอกจากจะยังดำเนินตามแผนได้อย่างแม่นยำแล้ว จะช่วยให้เราไม่หลงทางด้วย
Step 2: Sit an early exam to get more A* or 9
- ได้คะแนนดี จากการวางแผนสอบ Early exam (Plan to sit an Early Exam)
ข้อดีของการเรียน IGCSE ก็คือนักเรียนสามารถสอบบางวิชาก่อนรอบที่จะสอบจริงในตอน Year 11 เทอม 3 ได้ ถ้าหากมีความพร้อมมากพอ หรือที่เราเรียกกันว่า ‘Early Exam’ นั่นเอง การทำ Early Exam จะเหมาะกับเด็กที่รู้ตัวแล้วว่าตัวเองมีความถนัดวิชาไหนมากเป็นพิเศษจนสามารถสอบก่อนได้ เมื่อสอบบางตัวก่อนได้ ก็จะมีเวลาในการทบทวนวิชานั้น ๆ มากขึ้น และสามารถทำคะแนนได้ดีกว่าเดิม เพราะมีเวลาในการเตรียมตัวมากขึ้นนั่นเอง เพราะฉะนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าวิชาไหนที่มีความเป็นไปได้ ต้องมีแผนการเรียนที่สอดคล้องกับความสามารถของเด็กแต่ละคนแต่แรกอยู่แล้ว เพราะการสอบ IGCSE ถ้าทำคะแนนไม่ดีแต่แรก จะเป็น Record ติดตัวไปตลอด และทางมหาวิทยาลัยสามารถตรวจสอบได้ว่าเราเคยมีคะแนน IGCSE ที่ไม่ดีมาก่อน จะทำให้ Profile เราเสียได้ เพราะฉะนั้นต้องวางแผนการเรียนให้ดี วางแผนการสอบให้ดี มีความสำคัญอย่างมาก
- เน้นจุดแข็ง เสริมจุดอ่อน ให้ได้คะแนนดียิ่งขึ้น (Academic support to get a good grade)
เมื่อรู้แล้วว่าวิชาไหนที่เราถนัด หรือไม่ถนัด เราก็จะสามารถเน้นจุดแข็งและเสริมจุดอ่อนได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ในกรณีที่รู้แล้วว่าวิชาไหนบ้างที่เราต้องเน้นเป็นพิเศษ ในช่วง Year 10 เป็นช่วงเวลาที่ต้องเร่งทบทวนเพื่อให้มีความพร้อมในการสอบในตอน Year 11 โดยวิธีในทำให้ในแต่ละวิชามีคะแนนที่ดีขึ้น ทำได้หลากหลายวิธี เช่น การทบทวนเนื้อหาด้วยตัวเอง ฝึกทำ Past Papers เยอะ ๆ และหัดอ่าน Mark Schemes ด้วยตัวเองให้ได้ ถ้าต้องการคนที่ช่วยเหลือก็สามารถลงเรียนพิเศษ โดยเรียนเป็น 1-2-1 หรือตัวต่อตัว เพื่อทำให้ความเร็วของการเรียนเป็นไปตามตัวบุคคล ซึ่งจะเกิดผลดีมากว่าเพราะว่าเราไม่ต้องรอใคร หรือในบางคนที่มีความฝันอยากไปเรียนต่อ Boarding School ที่อังกฤษอยู่แล้ว ก็สามารถลงเรียน Summer School ที่เน้นด้าน Academic จากโรงเรียนท็อปอย่าง Concord College ก็ได้ ก็จะทำให้รู้เทคนิคและมีความมั่นใจมากขึ้นหลังจากที่กลับมา
Step 3: Be at the right place
นอกจากจะเลือกวิชาให้ถูกต้องและครอบคลุมกับความสามารถของเราแล้ว การอยู่ให้ถูกที่ถูกทาง ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะหลายครั้งเราพบว่า เด็กมีความสามารถที่จะไปได้ไกล แต่โรงเรียนที่เด็กอยู่ไม่สามารถตอบโจทย์และสนับสนุนเขาให้ไปในทิศทางนั้นได้ และสุดท้ายแทนที่จะได้ไปในทางที่ถูกต้องและตรงจุดที่สุด กลับต้องเสียเวลาและเสียเงินเพิ่ม เช่น ไม่สามารถลงเรียนวิชาบางวิชา (แต่จำเป็น) ในโรงเรียนได้ เพราะไม่มีครูสอน หรืออยากเรียนอีกแบบ แต่ที่บ้านอยากให้เป็นอีกแบบ ก็เป็นเรื่องที่พบเห็นอยู่เรื่อย ๆ วิธีที่จะช่วยให้เด็กแต่ละคนมั่นใจว่าตัวเองอยู่ถูกที่แล้วหรือยัง ก็แนะนำให้เข้ามาคุยกัน เพราะเป็นไปได้ว่าถ้าที่ ๆ เขาอยู่ไม่ใช่ การย้ายไปในที่ ๆ ดีกว่าก็ย่อมเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด
- ย้ายโรงเรียนไปอยู่ที่ตอบโจทย์มากกว่า (Move or Study in top UK school)
หลายครั้งเรามักจะแนะนำให้เด็กที่ไม่สามารถทำตามแผนการเรียนของตัวเองได้เลย จนต้องเสียเงินเพิ่ม เสียเวลาเพิ่ม ย้ายไปอยู่โรงเรียนอื่น อย่างเช่น โรงเรียนท็อปในอังกฤษที่ตอบโจทย์เด็ก ๆ และสามารถสนับสนุนการเรียนของเด็กได้ดีกว่า เพราะเด็กแต่ละคนมีแผนการเรียนที่ไม่เหม่อนกัน โรงเรียนที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนอยากเน้นวิชาการ บางคนชอบ Art มากอยากเข้ามหาวิทยาลัยด้าน Art หรือบางคนอยากเน้น Boarding Life เป็นต้น เพราะฉะนั้นไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวขนาดนั้น ถ้าเริ่มรู้สึกแล้วว่าที่ ๆ ตัวเองอยู่ไม่ได้ตอบโจทย์มีแต่จะยิ่งทำให้แย่ลงมากกว่า การย้ายไปในที่ ๆ เหมาะสมกับเรามากกว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
- วางแผนการเรียนด้วยตัวเองด้วยการทำ ‘Homeschooling’
แต่ถ้าไม่สามารถย้ายไปอยู่โรงเรียนท็อปกว่าในอังกฤษได้ การออกมาเรียนตามแผนของตัวเองแบบ 1-2-1 หรือตัวต่อตัว ก็จะช่วยให้เราลดเวลา ลดกิจกรรมบางอย่างที่ไม่จำเป็นเพื่อเน้นไปที่แผนการเรียนของตัวเองและดำเนินตามแผนได้แม่นยำมากขึ้น เพราะเราไม่ต้องรอหรือสนใจใครคนอื่นในห้องเหมือนตอนที่เราเรียนในโรงเรียน เพียงแค่ทำตามแผนที่วางไว้ให้ได้ ทำให้เรามีเวลาในการฝึกฝนและทบทวนมากขึ้น อีกทั้งการทำ Homeschooling ก็ช่วยให้เรามีเวลามากขึ้น ในการไปศึกษาตัวเอง เช่นไปลงสัมมนา ไป Work Experience ในด้านที่ตัวเองสนใจได้อย่างเสรีมากขึ้นด้วย เพราะเราจัดสรรเวลาของตัวเองได้อย่างอิสระมากขึ้น
ใครที่อยู่ Year 10 แล้ว แต่ยังไม่มีแผนการเรียนของตัวเองที่ชัดเจนเลย อยากแนะนำให้เข้ามาวางแผนการเรียนกันค่ะ เพราะถ้าไม่เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ ขึ้น Year 11 ไปแล้วจะวางแผนได้ลำบากมากขึ้น เพราะเวลาก็น้อยลง เมื่อผิดพลาดขึ้นมาก็จะแก้เกมลำบากค่ะ การเรียนที่ดี คือการเรียนในสิ่งที่เรา Born to be นะคะ