2 ปีสุดท้ายก่อนเข้า Uni นั้นมีความสำคัญมาก หลักสูตรที่ถูกต้องเป็นส่วนสำคัญที่จะพาเราไปสู่ความสำเร็จได้ บางคนเลือกหลักสูตร A-level บางคนเลือกหลักสูตรอเมริกัน และบางคนเลือกหลักสูตร IB Diploma คำถามที่เราจะมาหาคำตอบในวันนี้คือ IB Diploma นั้นเหมาะกับใคร
IB Diploma ต้องเรียนอะไรบ้าง
IB Diploma จะต้องเรียนทั้งหมด 6 วิชา จากทั้งหมด 6 กลุ่มวิชาดังต่อไปนี้
- Language and Literature
- Language Acquisition
- Individuals and Societies
- Sciences
- Mathematics
- Arts
เราจะต้องเลือก 1 วิชาจากแต่ละกลุ่มข้างต้น ทั้งนี้เราสามารถที่จะไม่เลือกวิชาจากกลุ่ม Arts และไปเลือกวิชาเพิ่มอีก 1 วิชาจากกลุ่มอื่นได้
และใน 6 วิชานี้ เราจะต้องเลือกให้ 3 วิชาเป็นวิชาในระดับ Higher Level หรือ HL ซึ่งหมายถึงวิชาที่เราจะเรียนเนื้อหาในระดับลึก และอีก 3 วิชาเป็นวิชาในระดับ Standard Level หรือ SL ซึ่งหมายถึงวิชาที่เราจะเรียนเนื้อหาในระดับทั่วไป
ซึ่งการเลือกว่าวิชาไหนจะเป็น HL หรือวิชาไหนจะเป็น SL นั้นก็ควรสอดคล้องกับสิ่งที่เราสนใจ และต้องการจะเรียนต่อในอนาคต ยกตัวอย่างเช่น ถ้าจะเรียนสาย Engineering ก็ควรจะเลือกวิชา Math และ Physics ให้เป็น HL ถ้าจะเรียนสายหมอ ก็ควรเลือกวิชา Chemistry และ Biology ให้เป็น HL หรือถ้าจะเรียนสาย Economics ก็ควรเลือก Math, Economics, และ Psychology ให้เป็น HL เป็นต้น
นอกจากเรียนวิชาต่าง ๆ แล้ว IB Diploma ต้องทำอะไรบ้าง
เป้าหมายของ IBO ในการตั้ง IB Diploma ขึ้นมา คือการสร้าง Global Citizen ซึ่งเขาเชื่อว่าคนจะเป็น Global Citizen ได้ต้องคิดเป็น ค้นคว้าเป็น และมีความสนใจรอบด้าน จึงมีการกำหนดว่านอกจากเรียนวิชาต่าง ๆ แล้ว เราต้องทำ 3 อย่างต่อไปนี้ด้วย
- Theory of Knowledge หรือ TOK คือ การฝึกเรื่องของการคิด วิเคราะห์ ฝึกกระบวนการ Critical Thinking ฝึกตอบคำถามสำคัญอย่างประเด็นที่ว่า How do we know? หรือคุณรู้ได้อย่างไร เพื่อฝึกให้เราเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ และมีเหตุผลในการคิดวิเคราะห์ต่าง ๆ
- Extended Essay หรือ EE คือ การฝึกทำวิจัย ค้นคว้าหาคำตอบของสิ่งที่อยู่นอกเหนือจากบทเรียน เราจะได้เลือกหัวข้อที่เราอยากจะทำการค้นคว้า และดำเนินการค้นคว้าไปตามกระบวนการที่ถูกต้องจนได้คำตอบและทำสรุปออกมาเป็น Thesis ขนาดย่อม ๆ
- Creativity, Action, Service หรือ CAS คือ การเน้นให้เราทำกิจกรรมให้รอบด้าน ทั้งการมีความคิดสร้างสรรค์ การออกกำลังหรือการทำสิ่งที่ Active และการดูแลช่วยเหลือสังคมต่าง ๆ
สรุปแล้ว IB Diploma เหมาะกับใคร
ในแง่ของการเรียน IB Diploma เหมาะกับคนที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร แต่ก็ไม่ปฏิเสธที่จะเรียนรู้สิ่ง ๆ อื่นไปด้วย เราจะได้เรียนลึกและเข้มข้นในวิชาที่เราเลือกเป็น HL ในขณะเดียวกันก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดในวิชาอื่น ๆ ที่ต้องเลือกมาให้ครบในระดับ SL แม้จะไม่ใช่สิ่งที่เราชอบที่สุดก็ตาม
อีกอย่าง IB Diploma เหมาะกับคนที่ชอบค้นคว้า ชอบอ่าน ชอบวิเคราะห์ ชอบเขียน เพราะในการทำ TOK และ EE นั้น เราจะต้องทำสิ่งเหล่านี้เยอะมาก นอกเหนือจากการเรียนทั้ง 6 วิชาแล้ว เวลาส่วนใหญ่ของเราก็จะใช้ไปกับการเรียนรู้ต่าง ๆ เพิ่มเติมเพื่อให้ทำ TOK และ EE ออกมาได้ดี
ไม่เกี่ยงการเรียนรู้ให้ลึก ให้เยอะ ให้มาก ไม่เกี่ยงการอ่าน วิเคราะห์ ค้นคว้า เขียน ถ่ายทอด นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดคือคนเรียน IB Diploma ต้องมี เพื่อให้รอดและประสบความสำเร็จ
แล้วใครที่อาจจะไม่เหมาะกับ IB Diploma
คนที่ชัดเจนที่สุดและต้องการ Focus สุด ๆ ในสิ่งที่ตัวเองเลือก อาจไม่เหมาะกับ IB Diploma เพราะการเรียน IB Diploma ต้องฝืนเรียนในสิ่งที่ไม่ตรงกับที่ตนเองสนใจ
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าความสนใจหนึ่งเดียวของเราคือ Computer Science ในการเรียน IB Diploma นอกจากวิชา HL ที่เราจะเรียน Math, Physics, Computer Science ที่เราชอบแล้ว เรายังต้องเรียนวิชา SL ยกตัวอย่างเช่น English, Thai, Geography ซึ่งเราอาจจะไม่ชอบหรือไม่ได้สนใจ ตรงนี้จะทำให้กลายเป็นภาระกับการเรียนได้
ในขณะที่ถ้าเราเลือก A-level เราก็สามารถเรียนแค่ Math, Further Math, Physics, Computer Science และสามารถเข้า Top University ได้ด้วย Workload ที่น้อยกว่า เนื่องจาก Top University ต่าง ๆ ให้เครดิตต่อ A-level และ IB ไม่ต่างกัน เรียกได้ว่างานน้อยกว่า แต่ได้ผลลัพธ์เท่ากัน
และถึงแม้เราจะเลือก A-level เราก็สามารถทำบางสิ่งที่คล้าย ๆ กับการทำ TOK และ EE ได้ เช่น การเลือกทำ Extended Project Qualification หรือ EPQ ในระบบ A-level ได้ ซึ่งเราก็จะได้ฝึกกระบวนการการคิดคล้าย ๆ TOK และได้ทำการวิจัยเช่นเดียวกับ EE ไปในตัว นี่แสดงให้เห็นว่า แม้เราจะเลือก A-level เพราะเราต้องการ Focus ในสิ่งที่เราเลือกมากกว่า เราก็ไม่เสียประโยชน์ในแง่ของ TOK และ EE ไป เพราะเราก็ยังสามารถทำ EPQ ได้อยู่ดี
บทสรุปของเรื่องนี้คือ ทุกหลักสูตรมีข้อดีของตัวเอง มีข้อที่ควรพิจารณาของตัวเอง เราควรเลือกหลักสูตรที่เหมาะสมกับตัวเรามากที่สุด แล้วเส้นทางในการเดินทางสู่ความสำเร็จ จะไม่ยากลำบากจนเกินไป แถมยังสนุก มีความสุข ในสิ่งที่เราเลือกอีกด้วย