ใครกำลังตามหา Passion ของตัวเอง ลองอ่านเรื่องนี้ดูนะครับ

วันนี้ผมจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเอง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเกือบ ๆ 30 ปีที่แล้ว แม้จะผ่านมานานมาก แต่มันก็ยังชัดเจนในความทรงจำ และเป็นบทเรียนที่ดีให้กับชีวิตอยู่เสมอ

จุดเริ่มต้นจากความแค้นใจ

พักกลางวันในวันหนึ่ง แดดร้อนจนต้องหนีหลบเข้ามาอยู่ในห้องสมุดที่โรงเรียน ผมเดินผ่านชั้นวางหนังสือหมวดต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาเจอนิตยสารเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เล่มหนึ่ง ในวันนั้นผมไม่ได้สนใจอะไรมากมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แต่เนื่องจากนิตยสารเล่มนั้นมันไม่หนามากนัก ก็เลยเปิดดูเล่น ๆ รอเวลาเข้าเรียน แล้วผมก็ได้พบกับสิ่งที่ผมไม่เคยได้เห็นมาก่อน

มันคือ Source Code ภาษา C ซึ่งเป็น Programming Language ที่เป็นที่นิยมมาก ๆ ในยุคนั้น แน่นอนว่าผมไม่รู้หรอกว่าภาษา C คืออะไร ผมรู้แต่ว่าหน้านั้นของนิตยสารบอกว่า นี่คือ Source Code ของเกมรถแข่ง ถ้าเขียนโปรแกรมตามนี้ จะได้เกมรถแข่งออกมาตามรูปที่โชว์อยู่ในหน้านั้น

ผมก็เหมือนเด็กคนอื่น ๆ ที่ชอบเล่นเกม และสิ่งนี้มันทำให้ผมเกิดความตื่นเต้นมากว่า ผมกำลังจะมีเกมที่ตัวเองสร้างขึ้นมาเองได้ เพียงแค่ลอก Source Code ทั้งหมดนี้ ลงไปบนคอมพิวเตอร์

ผมขอคุณครูที่ห้องสมุดถ่ายเอกสารนิตยสารจำนวน 8 หน้านั้นกลับบ้าน ผมถามพี่แถวบ้านที่เก่งคอมพิวเตอร์ว่าภาษา C คืออะไร แล้วผมจะเอา Source Code เหล่านี้ใส่ลงไปในคอมพิวเตอร์และสร้างเกมรถแข่งนี้ขึ้นมาได้อย่างไร พี่เขาจึงเอาโปรแกรมที่จำเป็นมาติดตั้งในคอมพิวเตอร์ที่บ้านให้ แล้วผมก็เริ่มลงมือ

ผมไม่รู้ว่าการ Coding หรือ Programming คืออะไร ผมก็แค่พิมพ์ Source Code ทั้งหมดที่ผมไม่เข้าใจลงไป พิมพ์ทีละตัวอักษร ๆ ไปเรื่อย ๆ ผมใช้เวลาอยู่หลายวันกว่าจะพิมพ์ทั้งหมดเสร็จ เมื่อเสร็จแล้ว ผมก็ทำตามขั้นตอนที่พี่เขาแนะนำไว้ว่าต้องทำอย่างไรโปรแกรมถึงจะเริ่มทำงานได้ ผมทำตามนั้นแล้วปรากฎว่า

… โปรแกรมไม่ทำงาน …

หน้าจอคอมพิวเตอร์ ขึ้นคำว่า Error อะไรต่าง ๆ มากมายที่ผมไม่เข้าใจ ผมแค้นใจเป็นอย่างมาก ที่เหมือนถูกหลอก ว่าการทำแบบนี้แล้วผมจะได้เกมรถแข่งเอาไว้เล่น เอาไว้ไปอวดเพื่อนว่าผมสร้างเกมขึ้นมาเอง อารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนั้น มันทำให้ผมบอกกับตัวเองว่า

ผมต้องเขียนโปรแกรมให้เป็นให้ได้

จากการลองผิดลองถูก สู่การเรียนรู้นอกห้องเรียนที่ไม่ต้องมีใครมาบังคับ

ผมไม่ได้ชอบเรียนหนังสือทุกวิชา ผมชอบเรียนเลข และนั่นเป็นวิชาเดียวที่ผมชอบเรียนมาตลอด แต่ในวันนั้น ผมได้เจอสิ่งที่ผมอยากจะรู้และทำให้สำเร็จให้ได้ นั่นคือเรื่องของ Coding และ Programming

ผมเริ่มจากไปร้านหนังสือ เดินไปที่หมวดคอมพิวเตอร์ หยิบหนังสือเล่มที่ดูเหมือนจะเข้าใจง่ายที่สุดมาเปิด ๆ ดู แล้วตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้กลับบ้าน หนังสือเล่มนั้นคือหนังสือหัดเขียนโปรแกรมภาษา QBasic ผมไม่รู้เลยว่าหนังสือเล่มนั้น ไม่ได้สอนอะไรเลย แต่แค่ยกตัวอย่างเฉย ๆ ว่าเขียน Code แบบไหน แล้วจะได้อะไรออกมา

แต่นั่นก็มากพอแล้วสำหรับจุดเริ่มต้น ผมลองพิมพ์ตามหนังสือลงไปในคอมพิวเตอร์ และนั่นเป็นครั้งแรกที่มันมีอะไรแสดงออกมาที่หน้าจอเหมือนกับที่บอกเอาไว้ในหนังสือเป๊ะ ๆ ผมตะโกนดีใจลั่นบ้าน ผมจำความรู้สึกตอนนั้นได้ดี นั่นคือครั้งแรกในชีวิตที่เขียนโปรแกรมสำเร็จ

ผมลองพิมพ์ตามหนังสือเล่มนั้นต่อไปอีก แล้วก็เริ่มรู้ตัวว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ได้สอนอะไร นอกจากแค่ยกตัวอย่าง ผมจึงลองเริ่มดัดแปลง ลองเปลี่ยนตรงนี้นิด ตรงนั้นหน่อย จนเริ่มเข้าใจกลไกการทำงาน เริ่มเข้าใจรูปแบบคำสั่งต่าง ๆ และเริ่มเขียนโปรแกรมง่าย ๆ ตั้งแต่เกมทายตัวเลข เครื่องคิดเลข กล่องดนตรี ออกมาได้

พอเริ่มทำสิ่งเหล่านี้ได้ ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีเพื่อนอีกคนหนึ่งที่เขาดูเหมือนจะชอบอะไรแบบนี้เหมือนกัน ผมลองถามเขาและเล่าให้เขาฟังว่าผมได้ทำอะไรไปบ้าง กลายเป็นว่านั่นเป็นการเปิดโลกของผมให้กว้างขึ้นไปอีก เขาแนะนำให้ผมรู้จักกับ Programming Language ใหม่ ๆ ที่มีความสามารถมากขึ้น ทำอะไรได้มากขึ้น ผมซื้อหนังสือมาอีกหลายเล่ม จนกระทั่งผมสามารถทำอะไรต่าง ๆ ออกมาได้มากมาย แม้กระทั่งเกม ที่ผมว่ามันเจ๋ง และสนุกกว่าเกมรถแข่งที่ผมอยากทำได้ในตอนแรกมากนัก

นอกจากวิชาเลขที่ผมชอบอ่านเนื้อหาล่วงหน้ายาก ๆ ของชั้นปีสูง ๆ โดยไม่ต้องมีใครมาบังคับแล้ว การเขียนโปรแกรมก็กลายเป็นอีกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแล้วทำให้ผมได้เข้าใจกับประโยคที่ว่า การเรียนรู้นอกห้องเรียน โดยไม่ต้องมีใครมาบังคับนั้น มันดีอย่างไร มันสนุกมากแค่ไหน

ความสุขในชีวิตนั้นมีมากมาย และผมได้เจอความสุขในชีวิตเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่างแล้วครับ

จากสิ่งที่ชอบและถนัด นำไปสู่โอกาสมากมายในชีวิต

ผมเชื่อว่าเด็กหลาย ๆ คนถูกพ่อแม่บังคับหรือแนะนำให้เรียนนั่นเรียนนี่ เพราะความไม่ชัดเจนในตัวเอง ผมเองก็เช่นกัน ที่สมัยนั้นถูกแนะนำเชิงบังคับให้เรียนหมอ ผมถูกปูทางเอาไว้แบบนั้น

แต่เพราะความคลั่งไคล้ในการเขียนโปรแกรม ผมจึงมีข้อต่อรองมากพอที่จะบอกกับทางบ้าน และตัดสินใจเรียนในสาขาวิชาที่ผมจะมีโอกาสได้เขียนโปรแกรมมากที่สุด และนั่นคือ Computer Engineering การตัดสินใจครั้งนั้น ทำให้ชีวิตในช่วงมหาวิทยาลัยของผม ไม่ได้ยากลำบากมากจนเกินไป เพราะแม้จะยากลำบาก ทุกข์หนักหนาสาหัสเพียงใด ก็ผ่านไปได้ เพราะมีสิ่งที่รักหล่อเลี้ยงใจอยู่เสมอ

เมื่อเรียนจบและสมัครงาน ตำแหน่งงานที่ได้ในตอนแรก ไม่ได้มีโอกาสให้ผมได้ทำอะไรเกี่ยวกับ Programming มากนัก แต่พอได้พูดคุยกับหัวหน้าเกี่ยวกับประสบการณ์ต่าง ๆ ในด้านนี้ที่ผมได้ทำมา หัวหน้าก็เข้าใจ และมอบหมายให้ผมได้ทำงานที่ผมรักมากขึ้น จากเดิมที่เลือกไม่ได้ว่าต้องทำอะไรบ้าง กลายเป็นเลือกได้อย่างเต็มที่ เพราะเรามีความชัดเจนในตัวเองว่า สิ่งที่ทำได้ดี สิ่งที่ถนัด สิ่งที่ทำแล้วมีความสุขคืออะไร และเมื่อเราเป็นเช่นนั้น ผลงานที่ออกมาก็จะดี สิ่งที่องค์กรจะได้รับก็จะดีตามไปด้วยเช่นกัน

ก่อนจะลาออกจากที่ทำงานแห่งนั้น เพื่อมาตามหาความฝันใหม่ในการได้เป็นคุณครู ผมได้รางวัลพนักงานยอดเยี่ยม จากผลงาน Programming ที่ลูกค้าจากทุกทวีปทั่วโลกโหวตให้คะแนนชนะเลิศอันดับ 1 สิ่งที่เรารักนั้นพาเราไปได้ไกลขนาดนี้จริง ๆ นั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยลืมเลย

สิ่งที่ได้เรียนรู้ เมื่อมองย้อนกลับไป

Passion เกี่ยวกับ Coding และ Programming ของผมมาจากไหน

ถ้าจะบอกว่ามาจากความแค้นใจที่ไม่สามารถสร้างเกมรถแข่งอย่างที่ต้องการได้ ก็คงจะไม่ผิด แต่จุดเริ่มต้นของมันจริง ๆ คือการที่จู่ ๆ ผมก็เข้าไปในห้องสมุด แล้วลองเดินผ่านไปยังมุมนิตยสารที่ไม่เคยเดินไป ลองเปิดนิตยสารที่ไม่เคยอ่าน และลองทำอะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำ

หรืออย่างการที่ทุกวันนี้ผมเป็นคุณครู ทำงานเกี่ยวกับด้านการศึกษา มันก็เกิดมาจากการอยากลองสอนพิเศษเพื่อหารายได้เสริมสมัยที่ยังเรียนหนังสือ ซึ่งถ้าไม่ได้ลองทำในวันนั้น ก็คงจะไม่ได้รู้ว่า เรารักการสอนมากแค่ไหน และโอกาสในวันนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้นเช่นกัน

ผมว่าทุก ๆ คนที่พบ Passion ของตัวเองก็คงไม่ต่างกัน ก่อนที่เราจะรู้ว่าเรารักอะไร เราชอบอะไร เราต้องเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ไปพบเจอกับสิ่งต่าง ๆ ก่อน บางครั้งโอกาสที่จะพบเจอ Passion มันก็เกิดขึ้นได้ง่ายมาก อย่างเช่น การได้เจอกับนิตยสารคอมพิวเตอร์ในห้องสมุด แต่มันก็จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยเช่นกัน ถ้าผมไม่พาตัวเองไปอยู่ที่ตรงนั้น เพราะฉะนั้น อย่าลืมเปิดโอกาสให้กับชีวิตนะครับ

นอกจากนี้ Passion จะเป็นแค่สิ่งชั่วครั้งชั่วคราว เมื่อเราไม่ได้หล่อเลี้ยงมันให้เติบโต ผมอาจมีความแค้นใจเป็นทุนเดิม จึงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องที่ว่าจะต้องทำให้ได้ แต่นั่นก็นำไปสู่การทำซ้ำ ๆ การฝึกฝน การลองผิดลองถูก เพื่อพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นถ้าใครเริ่มหาเจอแล้วว่าตัวเองชอบทำอะไร ก็ลองดูสักตั้งเถอะครับ ที่จะทำมันอย่างจริงจังต่อเนื่อง จนมันไปถึงจุดที่สิ่งนั้นอยู่กับเราตลอดเวลา ราวกับลมหายใจเข้าออก

และสุดท้าย Passion ไม่ได้มีแค่อย่างเดียวในชีวิต ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นทีละอย่าง และทุก ๆ Passion ของเราอาจเสริมกันและกันก็ได้ เพราะฉะนั้น ขอให้เปิดโอกาสให้กับตัวเองให้ได้เรียนรู้มาก ๆ ให้ได้เจออะไรใหม่ ๆ และไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอนะครับ

และใครที่กำลังจะขึ้น Year 9 มีโอกาสก็เข้ามาพูดคุยเรื่องนี้กันได้นะครับ มาลงมือค้นหา Passion ด้วยกัน มาทำ Career Test ด้วยกัน และมาวางแผนการเรียนและชีวิตด้วยกันครับ เราจะได้เริ่มมีชีวิตที่น่าตื่นเต้น สนุก มีความสุข และมีความภาคภูมิใจในตนเองในทุก ๆ วัน กันเสียทีครับ

ขอให้ทุกคนหา Passion ของตัวเองให้เจอ และมีชีวิตที่มี Passion ในทุก ๆ วันนะครับ