ทำไมต้อง Study in Japan? เชื่อว่าหลายคนที่มีความชื่นชอบในภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ไม่ว่าจะผ่านการฟังเพลง การอ่านมังงะ หรือดูโดราม่าก็ตาม มีความใฝ่ฝันว่าสักครั้งในชีวิตอยากไปเรียนที่ญี่ปุ่น ทำให้ในทุก ๆ ปี ประเทศญี่ปุ่นจะเป็นจุดหมายปลายทางแรก ๆ ในเอเชียที่คนไทยอยากไปเรียนภาษาระยะสั้นที่ประเทศญี่ปุ่น หรืออยากไปศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะอยู่ในทวีปเอเชียก็ตาม แต่วัฒนธรรมนั้นก็มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนและมีความแตกต่างจากประเทศไทยอย่างมาก เพื่อให้คนที่สนใจจะไปร่ำเรียนที่ประเทศญี่ปุ่นได้รู้ประเทศญี่ปุ่นอย่างลึกก่อนตัดสินใจไป ทาง APSthai เลยโครงการ Study in Japan ที่จะช่วยให้คำแนะนำเรื่องการศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่น (Study in Japan) ให้กับบุคคลที่มีความสนใจ โดยจะเขียนบทความเพื่อให้ความรู้กับผู้ที่สนใจทั้งในด้านวัฒนธรรมญี่ปุ่น และการศึกษาญี่ปุ่นต่อไป

ช่วงนี้กระแสติดสติกเกอร์หลังรถกำลังมาแรง ที่ประเทศญี่ปุ่นก็มีเช่นกันค่ะ แต่การติดสติกเกอร์ท้ายรถยนต์ส่วนใหญ่แล้วจะบอกสถานะของคนขับและจะต้องผ่านเงื่อนไขที่ทางการกำหนดไว้ด้วยถึงจะสามารถติดได้ ถ้าใครได้มีโอกาสได้มาเที่ยวหรือมาเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น แล้วได้มีโอกาสได้ขับรถ ก็ลองสังเกตดูนะคะ เพราะจะได้เข้าใจว่าทำไมว่าทำไมรถแต่ละคันถึงได้ขับแตกต่างกันไป มาดูกันค่ะว่ามีสัญลักษณ์แบบไหนบ้าง

สัญลักษณ์ 若葉 หรือ 初心者

คำว่า 若葉 อ่านว่า wakaba แปลว่าใบไม้สีเขียว (ตามรูป) หรืออีกคำคือ 初心者 อ่านว่า shoshinsha หรือที่แปลง่าย ๆ ว่า ‘มือใหม่หัดขับ’ ซึ่งคำว่า 初心者 นอกจากจะเป็นมือใหม่หัดขับรถยนต์แล้ว ยังมีความหมายว่า เพิ่งเริ่มทำได้ด้วยนะคะ เช่น เพิ่งเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่น เพิ่งหัดเล่นเกมนี้ เพิ่งได้เล่นกีฬานี้ค่ะ ซึ่งคำว่า 初心 ****คันจิ 2 ตัวแรกมีวามหมายว่าเพิ่งเริ่ม ส่วนคันจิคำว่า 者 แปลว่าคน เมื่อนำมารวมกันเลยแปลได้ว่า มือใหม่ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าเห็นรถคันไหนติดสัญลักษณ์นี้ ให้รู้ไว้ได้เลยว่าผู้ขับเป็นมือใหม่ค่ะ ส่วนใหญ่แล้วในประเทศญี่ปุ่น คนไหนที่เพิ่งได้ใบขับขี่มา จะต้องติดสติกเกอร์ 若葉 หรือ 初心者 ไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังรถเป็นระยะเวลา 1 ปีค่ะ ซึ่งสามารถหาซื้อได้ที่ร้าน 100 เยน เพราะฉะนั้นถ้าใครได้มีโอกาสได้ขับรถตามหลังรถที่ติดสติกเกอร์นี้ ก็ให้ใจเย็น ๆ นะคะ

สัญลักษณ์ 紅葉 และ 四葉

สัญลักษณ์ที่คล้ายกับหยดน้ำตาเรียกว่า 紅葉 อ่านว่า Momiji หรือที่แปลว่า ใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วง แต่ได้มีการเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์ที่คล้ายกับใบไม้ 4 แฉกแทนในปี 2011 เรียกว่า 四葉 อ่านว่า Yotsuba หรือมีความหมายว่า ใบไม้ 4 แฉกนี้ ทางการแนะนำให้ผู้ที่มีอายุ 70 ปีเป็นต้นไปติดไว้ที่รถค่ะ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 75 ปีเป็นต้นไป จะต้องติดสติกเกอร์นี้ที่รถยนต์ของตัวเองทุกคน เพราะฉะนั้นถ้าใครได้พบเห็นรถยนต์คันไหนติดสติกเกอร์เหล่านี้ ก็ขอให้ขับอย่างระมัดระวังและไม่หัวเสียหากรถคันนั้นขับช้าเกินไปนะคะ

สัญลักษณ์ 聴覚障害

สัญลักษณ์ที่มีลักษณะคล้ายกับผีเสื้อนี้เรียกว่า 聴覚障害 อ่านได้ว่า choukaku shougai ที่มีความหมายว่าบอกพร่องทางการได้ยิน ซึ่งคำว่า 聴覚 ตัวคันจิ 2 ตัวแรกแปลว่า ‘การได้ยิน’ ส่วนคำว่า 障害 แปลว่า ‘อุปสรรค ความยากลำบาก’ เพราะฉะนั้นบุคคลที่ขับรถส่วนตัวและมีความบกพร่องทางการได้ยินควรติดสติกเกอร์นี้ที่รถยนต์ของตัวเอง เพื่อที่ผู้ขับขี่ท่านอื่นจะได้เข้าใจและระมัดระวังค่ะ

สัญลักษณ์ 身体障害

สัญลักษณ์ที่มีลักษณะคล้ายกับดอกไม้ 4 แฉกและมีพื้นหลังเป็นสีน้ำเงินนี้ เรียกว่า 身体障害 อ่านว่า shintai shougai ที่มีความหมายว่าผู้พิการทางร่างกาย หากสังเกตอย่างดีจะพบว่า คำว่า 障害 อยู่ในคำศัพท์ด้านบนด้วย เพราะคำว่า 障害 ที่อ่านว่า shougai มีความหมายว่า อุปสรรคและความยากลำบากค่ะ อย่างในสัญลักษณ์นี้ คำว่า 身体 ที่เป็นคันจิ 2 ตัวแรกแปลว่า ‘ร่างกาย’ ก็จะแปลได้ว่าผู้ที่มีอุปสรรคในการใช้ร่างกาย หรือผู้พิการนั่นเองค่ะ

ถ้าได้ลองมาเที่ยวญี่ปุ่น หรือจะต้องมาเรียนที่นี่ ก็ลองสังเกตดูนะคะว่ารถแต่ละคันติดสัญลักษณ์ไหนบ้าง เพราะถ้ามีโอกาสได้ขับรถที่ญี่ปุ่นจะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุ และเข้าใจวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นด้วยนะคะ