น้อง ๆ Year 13 หลาย ๆ คนน่าจะเริ่มทยอยได้รับ offer จากมหาวิทยาลัยที่อังกฤษกันบ้างแล้ว ใครที่ได้แล้วก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ ใครยังไงไม่ได้ก็อดใจรออีกสักหน่อย ขอให้ได้รับข่าวดีกันถ้วนหน้าครับ
offer ที่หลาย ๆ คนได้มานั้น น่าจะเป็นแบบ conditional offer คือ เป็น offer แบบมีเงื่อนไข คือต้องทำให้ได้เกรดตามที่เขาตั้งเงื่อนไขมาถึงจะสามารถเข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยนั้น ๆ ได้ นั่นแปลว่าการเดินทางยังไม่จบครับ ยังมีเรื่องต้องทำกันต่อไป ซึ่งต้องทำอะไรต่อไปบ้าง เรามาดูกันครับ
อย่างแรก ตั้ง mindset ให้ถูกต้องเกี่ยวกับ offer
มหาวิทยาลัยที่อังกฤษพิจารณาว่าจะให้ offer หรือไม่จากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับผลการเรียน ได้แก่ เกรด IGCSE เกรด AS-level และ predicted grade ของ Year 13 หรือจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการพิจารณาว่าเรา born to be ในสิ่งที่เรากำลังจะเลือกหรือไม่ ได้แก่ personal statement ที่เราเขียน reference จากครู คะแนนสอบ admissions tests และการ interview ซึ่งเมื่อพิจารณาทั้งหมดแล้ว แล้วเขาเห็นว่าเรามีคุณสมบัติที่เหมาะสม เขาก็จะให้ offer
นั่นแปลว่า การได้ offer แปลว่ามหาวิทยาลัยเขารับเราแล้วนะครับ เราดีพอสำหรับเขาแล้ว เราคือคนที่เขาต้องการแล้ว เพราะฉะนั้น mindset ที่ถูกต้องอย่างแรกคือต้องดีใจและภูมิใจครับ
บางคนบอกว่าไม่เห็นมีอะไรน่าภูมิใจเลย ในเมื่อก็ยังต้องทำเกรดให้ได้ตามที่เขาระบุมาใน conditional offer อีก ลองคิดแบบนี้นะครับ คุณสมบัติเราผ่านมาเป็น 6 – 7 อย่างแล้วตามที่บอกไว้ข้างต้น เหลือแค่ทำเกรดให้ถึงเท่านั้นเอง นั่นคือมหาวิทยาลัยเขาอยากรับเราเข้าไปเรียนมาก ๆ แล้ว แต่เผอิญว่าคนที่คุณสมบัติเหมาะสมอาจจะมีหลายคน มากกว่าจำนวนที่นั่งที่เขามี จึงต้องมากำหนดเกรด A-level ที่ต้องทำให้ได้ ก็เท่านั้นเอง
ใครได้ offer มาแล้ว ก็อย่าลืมยิ้มให้กับตัวเองนะครับ เก่งมากครับ ทำดีมาก ๆ ต่อไปก็อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น
เลือกมหาวิทยาลัยที่เราอยากได้จริง ๆ
ถ้าใครได้ offer ครบจากทุกที่แล้ว เวลายังเหลือค่อนข้างเยอะในการตัดสินใจว่าจะเลือกที่ไหนนะครับ ก็ให้ค่อย ๆ หาข้อมูลเพิ่มเติมไป เข้าไปอ่าน course syllabus ของแต่ละที่อีกครั้งหนึ่ง (จากที่ควรอ่านมาแล้วครั้งแรกตอนที่เลือกมหาวิทยาลัยในครั้งแรก) อาจส่ง email ไปหามหาวิทยาลัยเพิ่มเติมเพื่อถามเรื่องบางอย่างที่เราอยากรู้เกี่ยวกับการเรียนการสอน
บางคนสงสัยว่า หรือเราควรเลือกมหาวิทยาลัยที่ให้ condition ใน offer แบบไม่ยากมากเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสที่เราจะทำเกรดถึงได้มากขึ้นหรือไม่ ตรงนี้อยากจะแนะนำว่าให้ตัดประเด็นนี้ออกไปเลยครับ ต่อให้ที่ที่เราอยากเลือกเรียกเกรด A-level สูงมาก ๆ เราก็ยังสมควรจะเลือกมหาวิทยาลัยนั้น ๆ อยู่ดี เราก็แค่ต้องคิดใหม่ว่า ทำอย่างไรถึงจะทำเกรดได้ตามที่มหาวิทยาลัยนั้นต้องการต่างหากครับ
อย่าลืมว่า เราเลือกไว้ได้สูงสุดคือ 2 ที่ ที่แรกที่เราอยากได้ที่สุดคือ firm choice อีกที่ที่เราอยากได้รองลงมาคือ insurance choice ถ้าวันที่เกรด A-level เราออกมา เกรดเราถึงเกณฑ์ตาม condition ของ firm choice เราก็ได้มหาวิทยาลัยที่เราเลือกเป็น firm choice แต่ถ้าไม่ได้แต่ยังถึงเกณฑ์ตาม condition ของ insurance choice เราก็จะได้มหาวิทยาลัยที่เราเลือกเป็น insurance choice
เพราะฉะนั้นเลือกที่อยากได้มากที่สุด ตามด้วยที่อยากได้รองลงมา ยังไม่ต้องคิดปัจจัยเรื่องเกรดครับว่าจะทำได้หรือไม่ เอาเป็นว่าทำให้ดีที่สุด ตรงนี้ถ้าสงสัยกลยุทธ์ว่าเราจะเลือก firm choice และ insurance choice อย่างไรดี เข้ามาพูดคุยกันได้นะครับ
ขยันให้มากที่สุดและทำเกรดให้ถึงให้ได้
ตรงนี้หลายคนเข้าใจผิด ว่าต้องรอให้ offer มาครบก่อนแล้วค่อยขยัน เพราะจะได้ประเมินได้ว่าควรทำเกรด A-level ให้ได้เท่าไรดี หลายคนเข้าใจผิดว่าจนกว่าจะเลือก firm choice และ insurance choice ต่างหากค่อยเริ่มขยัน เพราะตอนนั้นเป้าหมายจะชัดเจนว่าเกรดเท่าไรกันแน่ที่เราต้องการ ทั้งหมดนี้คือเข้าใจผิดมาก ๆ ครับ
จริง ๆ แล้วต้องขยันตั้งแต่ตอนนี้เลย offer ที่ได้เขาตั้ง condition ไว้เท่าไรไม่ต้องสนใจ ตั้งเป้าไปก่อนเลยว่า จะทำให้ได้ดีที่สุด ตั้งเป้าว่าจะเอา A* ให้ได้ทุกตัวไปเลยก็ย่อมได้ ที่ต้องทำแบบนี้เพราะว่า เมื่อไรที่ตั้งเป้าหมายต่ำหรือตั้งเป้าพอดี ๆ กับที่ต้องการ สุดท้ายคนเรามักจะทำเกรดได้น้อยกว่านั้นเสมอ เพราะฉะนั้น ตั้งเป้าสูง และขยันให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นะครับ
Year 13 เราไม่มีภาระเรื่อง UCAS แล้ว เราทำ personal statement เราขอ reference เราสอบ admissions tests เราไป interview เสร็จไปหมดแล้ว (หรือใครที่กำลังจะไป interview ก็ขอให้รู้ไว้ว่ามันจะจบลงในไม่ช้า) เพราะฉะนั้น ตอนนี้คือโฟกัสกับการเรียน 100% แล้วเอาเกรดที่ดีที่สุดมาให้ได้
เคยมีบางคนที่สุดท้ายทำเกรดได้สูงกว่าที่มหาวิทยาลัยที่เลือกเป็น firm choice ตั้ง condition เอาไว้ กลายเป็นว่าสามารถเข้าสู่กระบวนการที่เรียกว่า UCAS adjustment เพื่อเลือกมหาวิทยาลัยที่อันดับดีขึ้นกว่าที่ตนเองเคยเลือกเอาไว้ได้ แล้วสุดท้ายก็เข้าไปเรียนได้จริง ๆ ในที่ที่อันดับสูงกว่าที่ตัวเองเคยเลือกเอาไว้มาก
เคยมีบางคนมหาวิทยาลัยเสนอ scholarship ให้ เนื่องจากทำเกรด A-level ได้เกินกว่าที่มหาวิทยาลัยต้องการ มหาวิทยาลัยจึงเล็งเห็นว่าน่าจะเป็นคนที่สร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัยได้ จึงให้ scholarship แถมมาให้ด้วย
นี่คือตัวอย่างของโอกาสดี ๆ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตได้ ถ้าทำ A-level ให้ออกมาดีที่สุดโดยไม่ต้องคำนึงว่ามันจะเกินกว่าที่จำเป็นจริง ๆ ไปเยอะไหม ยิ่งเกินยิ่งดีครับ ในทางตรงกันข้าม ถ้าตั้งเป้าต่ำ ถ้าไม่ขยันตั้งแต่วันนี้ สุดท้ายทำแค่พอผ่านแล้วก็ไม่ผ่าน รักษาเกรดตาม condition ที่ต้องการไม่ได้ อย่างแย่ก็อาจจะไม่ได้ firm choice อย่างแย่มากก็คืออาจจะไม่ได้เลยทั้ง firm choice และ insurance choice แล้วก็ต้องเข้าสู่กระบวนการ UCAS clearing เพื่อหาที่เรียนที่ยังเหลืออยู่ต่อไป อย่างแย่มากที่สุดก็คืออาจไม่สามารถเข้าไปเรียนปี 1 ของมหาวิทยาลัยไหนได้เลย ต้อง gap year หรือไม่ก็เข้า foundation programme ไปแทน
สรุปแล้ว ได้ offer จากมหาวิทยาลัยมาแล้ว ต้องทำอย่างไรบ้าง ?
- ดีใจ ภูมิใจ เห็นคุณค่าในสิ่งที่ตัวเองได้รับ มหาวิทยาลัยเขารับเราแล้ว เรามีคุณสมบัติที่เขาต้องการแล้ว
- ใช้เวลาพิจารณาให้ดี ๆ ว่ามหาวิทยาลัยที่เราอยากไปมากที่สุดคือที่ไหน แล้วเลือก firm choice กับ insurance choice ภายในวันที่ UCAS กำหนด
- ขยันทำเกรด A-level ให้ดีที่สุด อย่าทำแค่ให้ถึง condition ที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้ แต่ทำให้เกินกว่านั้นไปเลย อาจเป็นการเพิ่มโอกาสดี ๆ บางอย่างให้กับชีวิตก็เป็นได้ และเป็นการกระทำที่ไม่ประมาทด้วย
ขอให้ทุกคนได้รับโอกาสที่ดี แล้วอยู่ในจุดที่เตรียมตัวเองมาอย่างเหมาะสม สำหรับโอกาสดี ๆ ที่กำลังจะเข้ามาในชีวิตนะครับ