ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จในการเรียนในหลักสูตร UK ต้องรู้ก่อนว่าหลักสูตรนี้ต้องการคนแบบไหน แล้วเรามีคุณสมบัติเหล่านี้หรือยัง? มีอะไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ

คนที่รู้ว่าตัวเองถนัดอะไร Born to be อะไร

เราต้องรู้ก่อนว่าเรามีความถนัดในเรื่องไหน เพราะในหลักสูตรอังกฤษ หากจะเข้ามหาวิทยาลัยจะต้องเลือกคอร์สที่อยากเรียนเลย เช่น Economics, Medicine, Law และ Engineering เป็นต้น โดยเวลาสมัครทางมหาวิทยาลัยจะระบุชัดเจนว่าจะต้องใช้ A-Level วิชาไหนบ้าง เราจะต้องชัดเจนตั้งแต่ก่อนเลือก A-Level แล้วว่าเราจะไปต่อสาขาวิชาไหน นอกจากนั้นเราจะต้องเขียน Personal Statement ที่เล่าเรื่องของตัวเองให้ได้ว่าเรามีความ Born to be ในคอร์สที่เราอยากจะเรียนมากแค่ไหน ได้ทำ Super-Curricular Activity ได้ไปทำให้อะไรที่มั่นใจได้ว่าเราเหมาะสมกับคอร์สที่เราเลือกจริง ๆ ถ้าเราไม่รู้ว่าตัวเองถนัดอะไรหรือ Born to be อะไร แค่เลือกวิชา A-Level ผิดก็ทำให้เราต้องเรียนในวิชาที่ตัวเองไม่ถนัด เมื่อสอบก็คะแนนไม่ดี หรือจะวางแผนทำกิจกรรมที่จะช่วยให้เรามีโปรไฟล์ที่เหมาะสมก็ไม่ได้ เพราะเลือกทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง และที่สำคัญ Personal Statement ที่เขียนโดยคนที่ไม่รู้จักตัวเอง ก็ไม่สามารถโชว์ด้านที่ตัวเอง Born to be ได้ เพราะฉะนั้นค้นหาตัวเองให้เจอก่อน ก็จะช่วยให้เรารู้จักตัวเองได้มากขึ้นและมีความชัดเจนกับตัวเอง ซึ่งเป็นลักษณะของคนที่หลักสูตรที่จะเลือกค่ะ

คนที่มี Consistency

นอกจากจะหาตัวเองเจอแล้ว ทักษะที่ต้องมีและสำคัญมากคือ ‘ความสม่ำเสมอ’ เราพูดหลายครั้งว่าหลักสูตรอังกฤษไม่มีพื้นที่ให้กับคนที่ขยันตอนท้าย หรือเป็นม้าตีนปลาย เพราะการประเมินความสามารถของรักเรียนไม่ได้ผ่านการท่องจำ แต่เป็นความเข้าใจในสิ่งที่เรียนจริง ๆ อีกทั้งนอกเหนือจากด้านวิชาที่จะต้องมีความสม่ำเสมอในกาเรียนแล้ว นักเรียนจะต้องหมั่นพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เช่น ปิดเทอมนี้จะต้องไปฝึกงานที่ไหนบ้างถึงจะช่วยทำให้โปรไฟล์ของตัวเองเต็มมากขึ้น จะต้องอ่านหนังสืออะไรเพิ่มบ้าง ต้องไปทำกิจกรรมอะไรเพิ่มบ้างถึงจะมีเรื่องราวมาเขียนได้ใน Personal Statement ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถนั่งเทียนได้ใน 1 เดือน แต่ต้องผ่านการไตร่ตรองและลองผิดลองถูกมาหลายครั้ง เพราะฉะนั้นถ้ามาคิดว่าขยันตอนหลังก็ได้ มาค่อยคิดทีหลังก็ได้ อาจจะเกิดความยากลำบากในตอนที่จะต้องเตรียมสมัครเข้ามหาวิทยาลัย และร้ายไปกว่านั้นอาจจะไม่ได้เรียนในที่ ๆ ตัวเองต้องการ เพราะไม่ได้เตรียมตัวมาดีพอ

คนที่มีทักษะ Self-study

เมื่อเราหาในสิ่งที่ตัวเองถนัดเจอแล้ว เราจะอยากศึกษาเรื่องนั้นด้วยตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องมีใครมาบังคับ เพราะฉะนั้นทักษะนี้จะเกิดขึ้นได้เองโดยธรรมชาติ ถ้าใครที่ตอนนี้ยังไม่ได้รู้สึกอยากศึกษาเรื่องใดด้วยตัวเองเป็นพิเศษ ใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ คุณครูสั่งให้อ่านถึงอ่าน สั่งให้ทำถึงทำ อาจจะเป็นสัญญาณบอกกับเราได้ว่า เรายังไม่เจอสิ่งที่เราถนัดหรือรักขนาดนั้น แต่หากใครที่เริ่มศึกษาเรื่องใดด้วยตัวเองได้แล้ว ให้ลองทำต่อไป เหตุผลที่ทำไมจะต้องมีทักษะนี้เพราะว่า การเรียนในหลักสูตรอังกฤษโดยเฉพาะในระดับที่สูงขึ้น คุณครูจะสอนในห้องเรียนน้อยมาก หลักสูตรจะออกแบบมาให้นักเรียนค้นคว้าหาความรู้มาก่อนเข้าห้องเรียน และเมื่อเข้ามาในห้องเรียนก็จะเน้นพูดคุย ถกประเด็นที่น่าสนใจกันมากกว่าที่จะมานั่งให้จด Lecture เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่ศึกษามาก่อนเข้าเรียน ไม่มีทางที่จะตามคนอื่นได้ทัน แต่ขอเน้นว่าทักษะเหล่านี้มันเกิดมาจากการที่เราเจอสิ่งที่ถนัดจริง ๆ เราไม่สามารถบังคับให้เกิดขึ้นได้ แต่เราฝึกฝนได้ แค่เราหาให้เจอว่ามีเรื่องไหนบ้างที่เราจะสามารถอยู่กับสิ่งนั้นได้ตลอดโดยที่ไม่เบื่อ และรู้สึกเหนื่อยทุกครั้งที่ต้องเรียน

คนที่มี Resilience

ต่อให้เราเจอในสิ่งที่เราชอบหรือถนัดแล้วก็ตาม แต่แน่นอนว่าเส้นทางไม่ได้สวยหรูขนาดนั้น เพราะย่อมีคนที่เก่งกว่า ถนัดกว่า ขยันกว่าเราเสมอ เราอาจจะพยายามอย่างมากแล้ว แต่ก็อาจจะล้มเหลวก็ได้ แต่เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่สิ่งที่เราต้องมีคือ Resilience คือต่อให้เราจะล้มเป็นพันครั้ง แต่ขอให้เป็นพันครั้งที่เรานำบทเรียนต่าง ๆ มาแก้ไขตัวเอง ล้มก็ลุกขึ้นใหม่ได้ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ซึ่งทักษะเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เราเรียนได้อย่างไม่เครียดแล้ว ยังช่วยให้เรามีจิตใจที่แข็งแกร่งที่ต่อให้เจอเรื่องที่เลวร้ายแค่ไหนเราก็สามารถก้าวข้ามผ่านได้

ที่กล่าวไปข้างต้นเป็นเพียงคุณสมบัติทั่วไปที่ทางเราได้ฟังและพูดคุยกับน้อง ๆ ที่ไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ถ้าอยากจะไปเรียนต่อที่อังกฤษจะต้องเตรียมตัวอย่างดี ถ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน ให้เรา APSthai ช่วยวางแผนการเรียนและพูดคุยกันได้ค่ะ