ทำไมต้อง Study in Japan? เชื่อว่าหลายคนที่มีความชื่นชอบในภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ไม่ว่าจะผ่านการฟังเพลง การอ่านมังงะ หรือดูโดราม่าก็ตาม มีความใฝ่ฝันว่าสักครั้งในชีวิตอยากไปเรียนที่ญี่ปุ่น ทำให้ในทุก ๆ ปี ประเทศญี่ปุ่นจะเป็นจุดหมายปลายทางแรก ๆ ในเอเชียที่คนไทยอยากไปเรียนภาษาระยะสั้นที่ประเทศญี่ปุ่น หรืออยากไปศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะอยู่ในทวีปเอเชียก็ตาม แต่วัฒนธรรมนั้นก็มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนและมีความแตกต่างจากประเทศไทยอย่างมาก เพื่อให้คนที่สนใจจะไปร่ำเรียนที่ประเทศญี่ปุ่นได้รู้ประเทศญี่ปุ่นอย่างลึกก่อนตัดสินใจไป ทาง APSthai เลยโครงการ Study in Japan ที่จะช่วยให้คำแนะนำเรื่องการศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่น (Study in Japan) ให้กับบุคคลที่มีความสนใจ โดยจะเขียนบทความเพื่อให้ความรู้กับผู้ที่สนใจทั้งในด้านวัฒนธรรมญี่ปุ่น และการศึกษาญี่ปุ่นต่อไป
ถ้าใครที่ชื่นชอมวัฒนธรรมญี่ปุ่นอยู่แล้วจะทราบกันดีว่าทุกฤดูร้อนในประเทศญี่ปุ่น สิ่งที่หลายคนตั้งหน้าตั้งรอก็คือ 花火 หรือเทศกาลดอกไม้ไฟนั่นเองค่ะ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะจัดให้มีเข้าชม ใครอยู่ใกล้ที่ไหน อยากจะไปเข้าร่วมที่ไหนก็สามารถเลือกได้เลย ถึงแม้ว่าคนจะเยอะในทุกปี แต่ได้มีโอกาสไปมาแล้วสวยมากค่ะ แต่ก่อนที่เราจะชื่นชมกับเทศกาลดอกไม้ไฟ เราไปดูต้นกำเนิดกันสักหน่อยเพื่อได้เข้าใจเกี่ยวกับเทศกาลนี้มากขึ้นค่ะ
ที่มาของเทศกาลดอกไม้ไฟ
เทศกาลดอกไม้ไฟในฤดูร้อนของประเทศญี่ปุ่นได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 250-300 ปีที่แล้ว เทศกาลนี้มีรากฐานมาเทศกาลโอบ้ง ซึ่งเป็นเทศกาลที่เซ่นไหว้ดวงวิญญาณของบรรพบุรุษ เชื่อกันว่าวิญญาณบรรพบุรุษที่ตายไปแล้วจะกลับมาโลกภูมิมาหาลูกหลาน ส่วนหนึ่งของพิธีจุดไฟ มักจะจุดกองไฟเพื่อต้อนรับและส่งดวงวิญญาณของบรรพบุรุษ ดอกไม้ไฟถูกนำมาใช้ครั้งแรกในญี่ปุ่นราวปี 1600 ที่จริงแล้วต้นกำเนิดของการใช้ดอกไม้ไฟครั้งแรกยังมีการถกเถียงกันอยู่ บางคนเชื่อว่าครั้งแรกจัดขึ้นตอนวัน Masamune Date ในปี 1589 หรือโดย Tokugawa Ieyasu ในปี 1613 คุณ Ieyasu เป็นโชกุนคนแรกของญี่ปุ่น ที่ได้รับดอกไม้ไฟเป็นของกำนัลจากพ่อค้าชาวจีนและพระเจ้าเจมส์ที่หนึ่งแห่งอังกฤษ หลังจากที่ดอกไม้ไฟเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น กลุ่มขุนนางและเศรษฐีแห่งเมืองเอโดะก็มักจะมารวมตัวกันชมดอกไม้ไฟบริเวณริมแม่น้ำสุมิดะ ในปีค.ศ. 1733 โชกุนตระกูลโทกุกาว่ารุ่นที่ 8 โทกุกาว่า โยชิมุเนะ ได้มีบัญชาให้จัดเทศกาลบูชาเทพแห่งสายน้ำ โดยเรียกว่า “งานเทศกาลดอกไม้ไฟ แม่น้ำเรียวโกคุ” เพื่อเป็นการอุทิศให้แก่วิญญาณของเหล่าผู้เสียชีวิตและขจัดปัดเป่าภัยร้าย จนได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเทศกาลดอกไม้ไฟแม่น้ำสุมิดะในปัจจุบัน ซึ่งจัดขึ้นในช่วงฤดูร้อนทุกปี โดยที่เมืองอื่นๆ ก็ได้เริ่มจัดงานเทศกาลดอกไม้ไฟในเมืองของตนเองทั่วประเทศญี่ปุ่น หลังจากนั้นดอกไม้ไฟก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในหมู่ชนชั้นสูง ในขณะที่งานดอกไม้ไฟแต่ละงานก็มีเรื่องราวที่เป็นเบื้องหลังของตัวเอง

Sumida River
ความพิเศษของเทศกาลดอกไม้ไฟ
ดอกไม้ไฟที่ถูกจุดในแต่ละที่ ก็จะมีสีสันและลวดลายของดอกไม้ไฟที่แตกต่างกัน หากใครที่พบเห็นก็จะรู้สึกได้ถึงความสวยและความพิเศษของดอกไม้ไฟ ที่จริงแล้วเทศกาลดอกไม้ไฟ เป็นเทศกาลที่มีความพิเศษพอ ๆ กับเทศกาลชมดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิเลย เพราะในช่วงหน้าร้อนจะเป็นช่วงวันหยุดฤดูร้อน หรือ 夏休み นักเรียนก็จะหยุดเรียนกัน ทุกคนจะได้ใช้ช่วงเวลาที่พิเศษนี้ไปกับครอบครัว, เพื่อนหรือคนรัก โดยปกติแล้วงานดอกไม้ไฟจะจัดขึ้นหลายพื้นที่และใช้เวลาในการแสดงดอกไม้ไฟประมาณ 1 ชั่วโมงหรือในบางที่อย่างดอกไม้ไฟบริเวณริมแม่น้ำสุมิดะอาจจะใช้เวลานานถึง 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว
การแต่งกายไปชมเทศกาลดอกไม้ไฟ
ที่จริงแล้วในปัจจุบันนี้เราสามารถใส่ชุดแบบไหนไปดูดอกไม้ไฟก็ได้ แต่จากการที่สังเกตแล้วมักพบว่าคนส่วนใหญ่จะใช้โอกาสนี้ในการสวมชุดยูกาตะกันค่ะ ถ้าหากใครได้มีโอกาสได้มาอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นในช่วงฤดูร้อน ก็ลองสวมชุดยูกาตะได้นะคะ แต่ถ้าไม่มีก็แนะนำให้ใส่เสื้อผ้าที่สบายตัว ไม่หนา รองเท้าที่ใส่สบาย เดินไปไหนได้สะดวก เพราะนอกจากคนจะเยอะแล้วอากาศในฤดูร้อนที่ญี่ปุ่นร้อนมากจริง ๆ ค่ะ

ถ้าหากใครที่ได้มีโอกาสมาเรียนและมาเที่ยวที่ญี่ปุ่นในช่วงหน้าร้อนนี้ ก็ลองเปิดโอกาสให้ตัวเองในการมาเที่ยวเทศกาลที่สำคัญของคนญี่ปุ่นกันนะคะ