มีนักเรียนคนหนึ่งกำลังจะขึ้น Year 12 ในโรงเรียนอินเตอร์ระบบอังกฤษแห่งหนึ่ง เกิดไม่แน่ใจวิชา A-level ที่กำลังจะเลือก จึงไปหาครูแนะแนวในโรงเรียนว่าควรจะเลือกเรียนวิชาอะไรดี เพื่อที่จะเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยระดับท็อปที่อังกฤษได้ในสาขาที่ตัวเองต้องการ ซึ่งก็คือ สาขาวิชาด้าน Economics

ครูคนนั้นตอบว่า จะเลือกวิชาอะไรก็เลือกไปเถอะ ขอแค่เป็นวิชาที่เรียนง่าย ๆ แล้วได้เกรดง่าย ๆ เพราะสุดท้ายมหาวิทยาลัยจะดูเกรดภาพรวมว่าได้ A หรือ A* เยอะหรือไม่ ไม่ได้สนใจรายวิชา ซึ่งเมื่อเข้าไปเรียนแล้วกว่าจะต้องเลือก Major ด้าน Economics ก็ตั้งปี 3 เพราะฉะนั้นตอนนี้จะเรียนวิชาอะไรไม่สำคัญเลย

อ่านถึงตรงนี้ พอจะทราบไหมว่า ครูคนนี้ consult ผิดอย่างไร ?

มหาวิทยาลัยระดับท็อปในประเทศอังกฤษ ให้ความสำคัญกับวิชาที่นักเรียนเลือกเรียนใน A-level มาก ๆ การเลือกวิชาไม่ตรงกับ requirement ที่มหาวิทยาลัยต้องการ จะถึงกับทำให้มหาวิทยาลัยไม่พิจารณาใบสมัครเลยทีเดียว ไม่ว่าสุดท้ายเกรดจะดีแค่ไหนก็ตาม และที่สำคัญกว่านั้น มหาวิทยาลัยที่อังกฤษที่พูดถึงนี้ไม่ได้มีระบบการเลือก Major นักเรียนจะต้องเลือกสิ่งที่ตัวเองจะเรียนตั้งแต่ปีแรก ไม่ใช่ปีที่ 3

นักเรียนคนนี้มาเล่าให้ฟังในภายหลังว่า ครูแนะแนวคนนี้ก่อนย้ายมาอยู่ที่นี่เคยสอนในประเทศแคนาดามาก่อน และเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการช่วยนักเรียนสมัครเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยของประเทศอเมริกา และไม่เคยมีประสบการณ์ช่วยนักเรียนสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษเลย เพราะฉะนั้นจึงเอาความรู้และประสบการณ์เก่า ๆ ที่ตัวเองมีมาใช้ในการให้คำแนะนำนักเรียน ผลจึงออกอย่างที่เห็น ก็คือ Consult ผิด และเกือบทำให้ชีวิตของนักเรียนคนนี้พัง

ท่านผู้อ่านอาจสงสัยว่า เรื่องราวมันจะผิดเพี้ยนสุดโต่งได้ขนาดนี้เลยหรือ ก็ต้องบอก ณ ตรงนี้เลยครับว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องเดียวที่เคยเกิดขึ้น ผิดเพี้ยนมากกว่านี้ก็มีมาไม่รู้เท่าไรแล้ว

ความผิดพลาดของครูแนะแนว ร้ายแรงถึงขั้นที่นักเรียนต้องซ้ำชั้น

หลายปีก่อน นักเรียนคนหนึ่งเลือกเรียน A-level ในวิชา Math, Biology, PE (Physical Education), และ Music นักเรียนคนนี้เข้ามาปรึกษาเรื่องเรียนพิเศษกับทางเรา พอเราได้สอบถามเรื่องวิชาที่เลือกเรียน A-level ก็เกิดความสงสัยว่า 4 วิชาที่เลือกมาเป็นแบบนี้ นักเรียนต้องการที่จะเรียนต่อด้านไหนในอนาคตกันแน่

คำตอบที่ได้รับ ทำให้ทีมงานของเราตกใจไปตาม ๆ กันครับ นักเรียนคนนี้บอกว่า ต้องการที่จะเรียนต่อด้าน Medicine หรือหมอ ซึ่งพอได้รับคำตอบแบบนั้น เราก็ได้แต่บอกไปว่าวิชาที่เลือกมานั้นไม่สามารถสมัครเข้าเรียนต่อด้าน Medicine ของมหาวิทยาลัยไหน ๆ ในประเทศอังกฤษได้เลย เพราะว่า

  • สาขาวิชา Medicine นี้ต้องมีวิชา Chemistry และเอาจริง ๆ วิชา Chemistry สำคัญกว่าวิชา Biology เสียอีก
  • วิชา PE และ Music ถือว่าเป็น soft subject หรือวิชาที่ทำให้ profile ดูด้อย สำหรับการสมัครเรียนสาขานี้

จาก 2 ข้อข้างต้น นักเรียนคนนี้จะไม่มีทางได้รับคัดเลือกให้เข้าไปเรียน Medicine อย่างแน่นอน ทางเราจึงถามไปว่าทำไมถึงเลือกวิชามาแบบนี้ นักเรียนคนนี้ให้เหตุผลว่า

  • ครูบอกว่า Medicine เป็นวิชาเกี่ยวกับร่างกายคน เพราะฉะนั้นต้องเรียน Biology ส่วน Chemistry นั้นจะเลือกหรือไม่ก็ได้ เพราะไม่ค่อยเกี่ยวข้องเท่าไร
  • Math ที่เลือกมาเพราะครูบอกว่า นักเรียนทำเกรดวิชานี้ได้ดีมาก ๆ ในระดับ IGCSE จึงให้เลือกมา
  • PE กับ Music ครูเชียร์ให้เลือกเพราะเห็นว่าเป็นความสนใจพิเศษที่นักเรียนคนนี้ชอบ

พอได้ฟังเหตุผลดังกล่าว เราก็ยิ่งรู้สึกสงสารนักเรียนคนนี้มาก ๆ ว่าไปอยู่ในโรงเรียนที่มีครูแนะแนวคุณภาพต่ำและ consult แบบผิด ๆ แบบนี้ได้อย่างไร เพราะว่าเหตุผลทั้งหมดที่ครูให้มานั้นผิดโดยสิ้นเชิง

วิชาที่เหมาะสมที่นักเรียนจะต้องเลือกใน A-level เพื่อให้เข้าเรียนสาขาวิชา Medicine ได้นั้นคือ Chemistry, Biology, Math ส่วนวิชาที่ 4 นั้นต้องเลือกให้เป็น strong subject ไม่ว่าจะเป็น Physics, Psychology, Economics, History, หรือ Geography ต่างหาก

สุดท้าย นักเรียนคนนี้ต้องเลือกที่จะย้ายโรงเรียน ซ้ำชั้น Year 12 ใหม่เพื่อเริ่มเรียน A-level ใหม่ในวิชาที่ถูกต้อง เสียเวลาไปเกือบปีกับการ consult ผิด ๆ จากครูแนะแนวที่ไม่ได้มีความเข้าใจเรื่องหลักสูตรและการวางแผนการเรียนอย่างถูกต้อง

อย่าไว้ใจ จงตรวจสอบ

จากเรื่องราวข้างต้น คุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครอง และ นักเรียน มีหน้าที่ในการตรวจสอบโรงเรียน ครู และ ครูแนะแนว ว่ามีความรู้ความเข้าใจเรื่องหลักสูตรดีแค่ไหน มีความสามารถในการวางแผนได้อย่างถูกต้องเพื่อให้นักเรียนไปถึงเป้าหมายที่ต้องการได้หรือไม่ เพราะฉะนั้น จึงสมควรเป็นอย่างยิ่งที่ทุก ๆ คนจะต้องหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เอาไว้ เพื่อป้องกันตัวเอง และ ดูแลตัวเองได้

อีกจุดหนึ่งที่สามารถใช้ประกอบการพิจารณาได้ก็คือ ผลงานของโรงเรียนในอดีต ว่ามีนักเรียนสอบเข้ามหาวิทยาลัยระดับท็อปในสาขาที่นักเรียนต้องการได้มากน้อยแค่ไหน แล้วลองเชื่อมโยงไปถึงระบบและขั้นตอนการช่วยเหลือของโรงเรียนว่ามีอะไรบ้าง เพียงพอกับการจะช่วยเราให้ไปถึงเป้าหมายหรือไม่ การขาดระบบและขั้นตอนการช่วยเหลือที่เหมาะสมนั่นส่อให้เห็นถึงความไม่เข้าใจหลักสูตร และโอกาสที่นักเรียนจะได้รับคำแนะนำ การวางแผน การดูแลที่ผิด ๆ ต่อไป

อย่าปล่อยให้ครูแนะแนวที่ Consult ผิด ๆ หรือโรงเรียนที่ไม่มีคุณภาพ ขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องหลักสูตร มาทำร้ายเรา มาทำให้ชีวิตเราพังนะครับ ศึกษาหาความรู้ความเข้าใจเรื่องหลักสูตรและการวางแผนไว้ให้มาก ๆ ดูแลตัวเองดี ๆ นะครับ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนครับ