ผมขอเริ่มบทความวันนี้ ด้วยเรื่องของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอชื่อว่ามุกครับ
มุกเป็นเด็กเรียนเก่ง ขยัน และเป็นคนที่ตารางชีวิตแน่นมาก ๆ ทุก ๆ วันหลังเลิกเรียน มุกจะไปสอนหนังสือให้กับเด็ก ๆ ที่อยู่ชั้นปีที่เล็กกว่า บางวันก็ชวนเพื่อน ๆ มานั่งอ่านหนังสือด้วยกัน โดยอาสาที่จะเป็นคนติวให้ มุกเรียนเก่งและทำคะแนนได้ดีในทุกวิชา เพราะฉะนั้นเมื่อต้องไปสอนหนังสือให้กับเด็กเล็ก ๆ ก็จะรับสอนทุกวิชา และเมื่อจับกลุ่มอ่านหนังสือกับเพื่อน มุกก็จะเป็นตัวตั้งตัวตีในการติวทุกวิชาให้กับเพื่อน ๆ
เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว มุกยังต้องทำหน้าที่ของตัวเอง ทำการบ้านของตัวเอง อ่านหนังสือของตัวเอง กว่าภารกิจทุกอย่างจะเสร็จสิ้น ก็ล่วงเลยเป็นเวลาดึกดื่น ไม่ทันได้ทำอะไรเพื่อเป็นการผ่อนคลายก็ต้องเข้านอนเสียแล้ว เพื่อน ๆ เขาได้ดูหนัง ฟังเพลง ได้เล่นเกม มุกไม่มีเวลาทำสิ่งเหล่านั้นเลย
จนวันหนึ่งคุณพ่อของมุกก็ถามมุกขึ้นมาว่า จะทำแบบนี้ไปทำไม แล้วขอร้องว่าให้เลิกทำได้ไหม เลิกที่จะช่วยคนอื่นมาก ๆ จนกระทั่งตัวเองต้องลำบาก และไม่มีเวลาให้กับตัวเองแบบนี้ เพราะสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่เห็นทุกวันคือมุกกลับบ้านมาด้วยอาการที่ดูเหน็ดเหนื่อย และที่สำคัญที่ช่วยคนอื่นไปนั้นไม่ว่าจะเป็นการสอนหนังสือให้กับเด็ก ๆ หรือการติวให้กับเพื่อน ๆ มุกไม่ได้รับค่าจ้างอะไรแม้แต่บาทเดียว
มุกยิ้ม และตอบคุณพ่อแค่ว่า “หนูขอทำแบบนี้ต่อไปได้ไหม”
หลายปีนับจากวันนั้น มุกสอบติดมหาวิทยาลัยในฝัน มหาวิทยาลัยที่ผลงานดีที่สุดในอังกฤษในสาขาที่ตัวเองต้องการ ในวันที่ครอบครัวได้ทราบข่าวดี คุณพ่อของมุกพูดกับมุกว่า “มันเป็นการเดินทางที่เหนื่อยมากเลยนะลูก จริง ๆ ถ้าลูกไม่ได้ต้องช่วยคนอื่นมาเยอะขนาดนี้ ลูกก็คงจะทำได้แบบนี้เหมือนกันโดยไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้”
มุกยิ้ม และตอบคุณพ่อแค่ว่า “ถ้าหนูไม่ได้ช่วยคนอื่นมาตลอด หนูไม่มีทางมีวันนี้หรอกค่ะ”
ที่มีทุกวันนี้ได้ เพราะช่วยเหลือคนอื่น
ในวัยเด็ก มุกเองไม่ได้มีแววของความเป็นเด็กเรียนเก่ง ที่บ้านเคี่ยวเข็ญพาไปเรียนพิเศษตั้งแต่เล็ก ๆ แต่ผลการเรียนก็ดีขึ้นแค่เล็กน้อย จนวันหนึ่งโรงเรียนมีโครงการรุ่นพี่สอนรุ่นน้อง แล้วมุกนึกสนุกลองไปสมัครดู ด้วยความที่ชั้นปีห่างกันมุกจึงสามารถสอนเด็ก ๆ ได้อย่างสบาย ๆ ยิ่งสอนยิ่งสนุก ยิ่งเกิดความภูมิใจ จึงพยายามเตรียมการสอนให้ดีขึ้น แล้วก็กลายเป็นว่าสอนดีขึ้นเรื่อย ๆ
สิ่งที่มุกเจอก็คือ เนื้อหาบางอย่างที่มุกสอนเด็ก ๆ นั้น มีบางเรื่องที่มุกเคยไม่เข้าใจแล้วมองข้ามมันไป แต่พอได้สอนแล้วก็มีความเข้าใจมากขึ้น แล้วมันก็เชื่อมกับเรื่องที่มุกกำลังเรียนอยู่ในชั้นเรียนของตัวเอง จู่ ๆ เรื่องที่เคยเรียนไม่เข้าใจ ก็เข้าใจได้ดีขึ้น ประกอบกับมีเพื่อนที่นั่งเรียนอยู่ข้าง ๆ กันชอบสงสัย ชอบตั้งคำถามกับมุกเกี่ยวกับบทเรียน ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนมุกก็คงจะตอบไม่ได้ แต่พอมุกเข้าใจมากขึ้น ก็เลยมีความพยายามมากขึ้นที่จะช่วยเหลือเพื่อนให้ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือมุกต้องไปค้นคว้ามามากขึ้น อ่านหนังสือมากขึ้น เพื่อที่สุดท้ายจะได้ช่วยเพื่อนได้สำเร็จ
จนสิ่งที่มุกทำมันเริ่มขยายขนาดขึ้น ไปเป็นการอ่านหนังสือกับเพื่อน ช่วยกันติวหนังสือ พอเริ่มติวก็เริ่มเจอจุดที่สงสัย ก็ไปค้นคว้ามาเพิ่ม เมื่อค้นคว้ามาเพิ่มก็เข้าใจมากขึ้น เมื่อเข้าใจมากขึ้นก็ติวได้ดีขึ้น เพื่อน ๆ ก็วิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือมากขึ้น ก็เลยมีเรื่องที่ต้องไปอ่านเพิ่มมากขึ้น ก็เลยยิ่งเข้าใจมากขึ้นไปอีก
เขาว่ากันว่า การจะวัดว่าเราเข้าใจอะไรสักอย่างจริง ๆ หรือไม่นั้น ต้องวัดกันที่ว่าเราสามารถสอนและถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้นให้คนอื่นได้ดีแค่ไหน เพราะฉะนั้น การที่มุกสอนเด็ก ๆ ได้ สอนเพื่อน ๆ ได้ มันก็แปลว่ามุกเข้าใจสิ่งเหล่านั้นมาก ๆ และนี่เองที่ทำให้มุกมีผลการเรียนที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ และนำไปสู่ผลลัพธ์สุดท้าย คือผลการสอบที่ยอดเยี่ยม และ การสอบติดมหาวิทยาลัยระดับท็อปของประเทศอังกฤษในที่สุด
เรื่องราวของมุก คือตัวอย่างหนึ่งของคำว่ายิ่งให้ ยิ่งได้ หรือในที่นี้จะกล่าวให้ตรงก็อาจจะต้องใช้คำว่า ยิ่งสอน ยิ่งเก่ง การที่มุกช่วยเหลือคนอื่นมาตลอดด้วยการสอนให้คนอื่นมีความเข้าใจมากขึ้น กลายเป็นว่าตัวเองนั่นแหละที่เข้าใจมากขึ้นจริง ๆ กลายเป็นตัวเองนั่นแหละที่ได้รับมากที่สุด นี่แหละครับที่เรียกว่ายิ่งให้ ยิ่งได้
ยิ่งให้ ยิ่งได้ ในมุมอื่น ๆ
ยังมีอีกหลายเรื่องครับที่ผมได้ยินได้ฟังมา
เจ้าของร้านขายเครื่องเขียนแห่งหนึ่งเจอปากกาสีสันสดใสยี่ห้อหนึ่งวางขายในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ราคาด้ามละ 18 บาท แต่พอหาข้อมูลไปที่โรงงานผลิต ต้นทุนจริง ๆ อยู่ที่ด้ามละ 8 บาท เจ้าของร้านอยากให้เด็กนักเรียนที่เรียนโรงเรียนแถวนั้นมีโอกาสได้ใช้ปากกาดี ๆ ยี่ห้อนี้บ้าง จึงตั้งราคาขายแค่เพียงด้ามละ 10 บาท ของทุกชิ้นในร้านขายเอากำไรไม่เยอะ ปรากฎว่าขายดีมาก ๆ เด็กนักเรียนมาซื้อเครื่องเขียนที่ร้านนี้เยอะมาก ทุกวัน ๆ จนแทบจะทำไม่ไหว แน่นอนว่าได้กำไรพออยู่พอกิน และที่สำคัญที่สุดคือ มีความสุขทุก ๆ วันที่ได้เห็นรอยยิ้มของเด็ก ๆ ที่แวะมาทักทายอยู่เสมอ
เจ้าของร้านขนมแห่งหนึ่งมีคนซื้อขนมราคาแพงจากต่างประเทศมาฝาก พอลองทานดูแล้วอร่อยดี เลยอยากทำให้ลูกค้าได้ทานบ้าง จึงหัดทำทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีความรู้มาก่อนโดยการเปิด Youtube แล้วลองทำตาม ทำออกมาแล้วก็ลองให้คนชิม ยังไม่อร่อยถูกใจเต็มที่ ก็ลองทำใหม่ แล้วก็ให้คนชิมไปเรื่อย ๆ จริง ๆ แล้วเจ้าของร้านไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลย เพราะขนมที่ขายดีในร้านนั้นขายดีมาก ๆ อยู่แล้วจนไม่จำเป็นที่จะต้องทำอะไรใหม่ ๆ แต่เพราะอยากที่จะให้ลูกค้าได้ทานของอร่อยของดีในราคาที่ถูกลง จึงใส่ความพยายามลงไปเป็นอย่างมาก จะว่าไปขนมทุกชิ้นในร้านผ่านการลองผิดลองถูกมามากมาย แต่ทำด้วยใจ ใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดทุกครั้ง และที่สำคัญคือไม่แพงเลย สุดท้ายได้กำไรพออยู่พอกิน และมีความสุขที่ได้เห็นคนได้ทานของอร่อย ๆ ที่ตัวเองทำทุกวัน
เจ้าของบริษัทแห่งหนึ่ง ชอบใช้เวลาว่าง ๆ อ่านหนังสือหาความรู้ต่าง ๆ แล้วนำมาแบ่งปันให้กับลูกน้อง ลูกน้องนั่งว่าง ๆ ก็เรียกมานั่งคุยกัน มาแชร์ความรู้ที่ตัวเองได้ไปอ่านมา ในความเป็นจริงแล้วเจ้าของบริษัทแห่งนี้ไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนี้เลย และบางเรื่องที่นำมาแบ่งปันให้กับลูกน้องนั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเนื้องานโดยตรงด้วย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ลูกน้องฉลาดขึ้น ลูกน้องมีความใฝ่รู้มากขึ้น และลูกน้องมีความรู้สึกที่ดีต่อองค์กรมากขึ้น สุดท้ายบริษัทเติบโตได้ผลกำไรที่งดงาม เริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ ที่เจ้าของบริษัทแบ่งปันให้กับลูกน้องในทุก ๆ วันอย่างสม่ำเสมอ
ทุกวันนี้ หลาย ๆ คนเชื่อว่าโลกของเราอยู่ในยุคที่ขาดแคลน ทุกอย่างดูรีบร้อน ทุกอย่างเต็มไปด้วยการแข่งขัน เพราะฉะนั้นแค่เอาตัวเองให้รอดก็ยากแล้ว การทำสิ่งดี ๆ ให้กับคนอื่นนั้นเลยกลายเป็นเรื่องที่ห่างไกลคนบางคนออกไปทุกที
แต่ถ้าเราจะตั้งสติกันสักนิด แล้วพิจารณาเรื่องทั้งหลายที่เราได้อ่านกันไปในวันนี้ เราจะเห็นความจริงอย่างหนึ่งได้ว่าโลกจะขาดแคลนหรืออุดมสมบูรณ์นั้น มันอยู่ที่วิธีคิดของเราล้วน ๆ จริง ๆ ครับ
เราทุกคนมีสิ่งที่แบ่งปันให้กับผู้อื่นได้เสมอ และสิ่งนั้นมันไม่มีวันหมด แต่มันกลับจะยิ่งเพิ่มพูนขึ้นไปเรื่อย ๆ มันเป็นไปไม่ได้ที่มุกจะสอนหนังสือแล้วความรู้จะไหลออกจากตัวจนหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ มันมีแต่จะยิ่งทำให้มุกเข้าใจสิ่งที่ตัวเองเข้าใจอยู่แล้วมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เจ้าของร้านขายเครื่องเขียนสละกำไรส่วนต่างมาก ๆ เอากำไรส่วนต่างเพียงเล็กน้อยกลับได้ลูกค้ามากมายมหาศาล เจ้าของร้านขนมสละเวลาค้นคว้าวิธีทำขนมที่อร่อยที่สุดและได้ลูกค้าประจำที่แวะเวียนมาไม่ขาดสาย เจ้าของบริษัทสละเวลาให้ความรู้กับลูกน้องและได้รับผลกำไรมหาศาลกลับมาจากการที่ทุกคนตั้งใจทำงานมากขึ้น
ลองถามตัวเองดูสิครับว่า วันนี้เรามีสิ่งดี ๆ อะไรที่พร้อมจะแบ่งปันให้คนอื่นหรือไม่ ผมเชื่อว่ามีครับ คำถามคือ เราได้แบ่งปันอะไรออกไปบ้างหรือยัง
โลกของเราขาดแคลนหรืออุดมสมบูรณ์ มันอยู่ที่วิธีคิดนะครับ
ชีวิตของผู้ที่ให้อยู่เสมอ จะเต็มไปด้วยความสุข เพราะได้ทำสิ่งดี ๆ ให้กับผู้อื่น จะเต็มไปด้วยความสำเร็จ เพราะสิ่งดี ๆ ที่ได้ทำไปนั้นได้สร้างประโยชน์กลับมาที่ตัวเองเสมอ
นั่นแหละครับ ที่เขาบอกกันว่า ยิ่งให้ ยิ่งได้