ผมเพิ่งลองสอบวัดทักษะภาษาอังกฤษ ที่มีชื่อว่า Duolingo English Test ไปครับ เลยจะมาแบ่งปันประสบการณ์ เผื่อมีประโยชน์ในการเตรียมตัวและตัดสินใจสอบของเด็ก ๆ ที่ต้องใช้ผลสอบภาษาอังกฤษเพื่อยื่นสมัครเรียนต่อครับ
ทำไมต้อง Duolingo English Test
ถ้าพูดถึงการสอบวัดทักษะภาษาอังกฤษเพื่อใช้ในการเรียนต่อ เราก็มักจะนึกถึง IELTS และ TOEFL เป็นอย่างแรก ๆ แต่ตั้งแต่ปีก่อนจนถึงปัจจุบันที่สถานการณ์ของ Covid-19 ยังน่าเป็นห่วง และทำให้การสอบ IELTS นั้นไม่สะดวกจากเหตุผลของเรื่องโรคระบาด University หลาย ๆ แห่งจึงรับพิจารณาผลการสอบอื่น ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสอบที่สามารถทำ Online จากที่ไหนก็ได้ และหนึ่งในนั้นก็คือ Duolingo English Test ครับ
อย่างไรก็ดี ถ้าตัดสินใจจะสอบ Duolingo English Test เพื่อใช้แทน IELTS ให้ตรวจสอบจากสถาบันที่เราจะไปเรียนต่อก่อนว่า รับคะแนนจากการสอบ Duolingo English Test หรือไม่ บางที่จนถึงปัจจุบันนี้เขายังไม่รับ ต้องตรวจสอบให้ละเอียดครับ
สมัครสอบ
การสมัครสอบให้ไปที่เว็บไซต์ https://englishtest.duolingo.com/ สร้าง account แล้วชำระเงินเพื่อสมัครสอบได้เลย ค่าสอบปัจจุบันที่อยู่ที่ 49 USD ชำระผ่านบัตรเครดิตเรียบร้อยแล้ว เราจะสามารถ Download Application ของเขามาไว้ที่คอมพิวเตอร์ของเราได้ เราพร้อมเมื่อไรก็ค่อยเข้าไปสอบ ไม่จำเป็นจะต้องสอบทันทีที่ชำระค่าสอบเสร็จ
ก่อนสมัครสอบ เขามีให้เราทดลองทำข้อสอบได้ด้วย แล้วก็มีคู่มือเกี่ยวกับการสอบที่อธิบายไว้ละเอียดมาก ๆ สามารถเข้าไปศึกษาก่อนที่จะสอบจริง ๆ ได้ครับ
สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนการสอบ
อย่างแรกคือสถานที่สอบและเวลาที่เหมาะสม ควรเป็นห้องปิดที่เราอยู่คนเดียว และต้องแน่ใจว่าตลอดเวลา 1 ชั่วโมงของการสอบจะต้องไม่มีใครเข้ามารบกวนเด็ดขาด ไม่งั้นผลการสอบจะถือว่าเป็นโมฆะไป เพราะฉะนั้นเรื่องเวลาก็สำคัญว่าจะเป็นเวลาที่เราจะไม่ถูกรบกวนจริง ๆ หรือไม่ ผมเลือกสอบช่วงตี 5 กว่า ๆ เพราะแน่ใจว่าช่วงนั้นโอกาสที่จะถูกรบกวนการสอบมีน้อยมาก ๆ ซึ่งเท่าที่ทราบหลาย ๆ คนเลือกสอบช่วงดึก ๆ เพราะมีโอกาสถูกรบกวนน้อยมากเช่นกัน
ต่อมาที่สำคัญมากไม่แพ้กันคือ คอมพิวเตอร์ที่ใช้ ควรมีแบตเตอรี่ที่เพียงพอหรือชาร์จไว้เลยก็ดี อินเตอร์เน็ตต้องเสถียรเพราะต้องต่ออินเตอร์เน็ตตลอดเวลา (เพราะฉะนั้นช่วงดึก ๆ หรือเช้า ๆ จึงเป็นช่วงที่เหมาะสมครับ) คอมพิวเตอร์ต้องมีกล้อง มีลำโพง และมีไมโครโฟนในตัว เขาห้ามเราใช้หูฟังนะครับ ต้องเป็นลำโพงจากคอมพิวเตอร์เท่านั้น
อีกอย่างที่ต้องเตรียมไว้ให้พร้อมคือ Passport หรือบัตรประชาชน ตรงนี้ผมเองก็ไม่ได้เตรียมล่วงหน้าแต่โชคดีกว่าอยู่ใกล้มือไม่ต้องค้นหา เลยรอดไป เตรียมไว้ให้พร้อมนะครับ เพราะเราต้องใช้ในการยืนยันตัวตน
สุดท้าย เขาห้องน้ำ ดื่มน้ำ เตรียมตัวให้เรียบร้อย เพราะเราต้องอยู่กับหน้าจอตลอด การที่เราหายไปจากหน้าจอแม้เพียงไม่นาน ก็จะถือว่าเป็นการทุจริตได้ครับ
เริ่มสอบ
การเริ่มสอบให้เปิด Application ของเขาที่เรา Download มาไว้ในคอมพิวเตอร์ แล้วกดปุ่มเพื่อจะเริ่มสอบ ขั้นตอนแรก ๆ จะเป็นการให้ทดลองอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่นลำโพง ไมโครโฟน กล้อง อ่านคำสั่งดี ๆ ว่าเขาให้ทำอะไร แล้วทำตามไปนะครับ จะมีทั้งให้เราลองฟังว่าได้ยินหรือไม่ ให้เราพูดตามคำที่เขาบอก ทำให้เรียบร้อยเพื่อเป็นการตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ต่าง ๆ ครับ
จากนั้นจะเป็นขั้นตอนของการยืนยันตัวตน จะมีให้เราถ่ายรูปตัวเองกับกล้องของคอมพิวเตอร์ ต่อด้วยการนำ Passport หรือ บัตรประชาชน มาถ่ายกับกล้องของคอมพิวเตอร์เพื่อยืนยัน จากนั้นกรอกข้อมูลเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย ก็จะเข้าสู่การสอบจริง ๆ
ระวังนะครับ ต่อจากนี้เป็นต้นไปประมาณ 1 ชั่วโมง คือการสอบ จะมีกรอบขึ้นมาทางด้านขวาบนเห็นเป็นหน้าเราที่ถ่ายจากกล้องของคอมพิวเตอร์ หน้าเราจะต้องอยู่ในกรอบนั้นตลอด ไม่หลุดออกไป นอกจากนี้เราต้องไม่ออกจาก Full Screen Mode ของระบบเขา มิเช่นนั้นจะถือว่าเป็นการทุจริตในการสอบครับ
ข้อสอบมีอะไรบ้าง
Duolingo English Test วัดทั้งหมด 4 ทักษะเหมือนการสอบภาษาอังกฤษอื่น ๆ คือ Speaking, Listening, Reading, Writing แต่สิ่งที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงคือ การสอบไม่ได้แยกเป็นส่วน ๆ ตามทักษะทั้ง 4 อย่าง แต่ละข้อที่เขาทดสอบเราจะเป็นโจทย์สั้น ๆ ที่บางข้อก็วัดหลายทักษะพร้อมกัน ตรงนี้ผมอาจจะจำไม่ได้ทั้งหมดว่าเจอข้อสอบหน้าตาแบบไหนบ้าง แต่ในคู่มือของเขามีรูปแบบข้อสอบทั้งหมดที่จะเจอไว้ให้เราศึกษาก่อนครับ
ข้อสอบเหล่านี้บางรูปแบบก็มาซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้ง บางรูปแบบก็มาแค่ครั้งเดียว คิดว่าระบบน่าจะทำการสุ่มว่าเราจะเจอแบบไหนก่อนแบบไหนหลัง และจากที่รู้สึกคือข้อสอบค่อย ๆ ยากขึ้นและปรับไปตามความถนัดที่เรามีครับ
ถึงตรงนี้ผมอยากจะบอกว่า ถ้ามีโอกาสซ้อมทำก่อนจากเว็บไซต์ของเขา และ Application ของเขาที่ให้ซ้อมทำกี่รอบได้เท่าที่เราต้องการ นั้นมีประโยชน์มาก ผมไม่ได้ซ้อมทำครับ แค่พอรู้คร่าว ๆ ว่าข้อสอบจะมีอะไรบ้าง กลายเป็นว่ามีความตกใจเล็กน้อยกับสิ่งที่เจอ เพราะฉะนั้นซ้อมก่อนดีที่สุดครับ
ลองฟังดู คำไหนบ้างที่เขาใช้กันจริง ๆ ในภาษาอังกฤษ
หน้าจอจะมี Label ให้เราคลิกประมาณ 10 กว่าอัน แต่ละอันพอคลิกแล้วจะมีเสียงพูดขึ้นมา เป็นคำศัพท์คำหนึ่ง เราต้องคิดว่าคำศัพท์คำนี้เป็นคำที่เขาใช้กันจริง ๆ ในภาษาอังกฤษหรือไม่ ถ้าใช่ก็ Tick ท้ายคำนั้นไว้ ตรงนี้มีเวลาในการฟังทุกคำรวม 1 นาที 30 วินาที สามารถกดฟังแต่ละคำกี่ครั้งก็ได้ เมื่อฟังครบแล้วและ Tick ครบแล้ว จึงเลือกไปข้อต่อไปได้
สำหรับผม Part นี้ถือว่าท้าทายมาก เพราะทุกคำที่พูดออกมานั้นเป็นสำเนียงภาษาอังกฤษครับ แต่บางคำมันดูประหลาดจนไม่น่าใช่คำจริง ๆ และบางคำก็ดูน่าจะใช่ แต่ก็ไม่รู้ว่าถูกหลอกหรือเปล่าเพราะสำเนียงดีมาก ใครฟังมาเยอะหรือเคยคุยกับชาวต่างชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษมาหลากหลาย น่าจะได้เปรียบครับ
ลองอ่านดู คำไหนบ้างที่เขาใช้กันจริง ๆ ในภาษาอังกฤษ
คล้าย ๆ อันที่แล้ว แต่คราวนี้คำทั้งหมดจะแสดงอยู่บนหน้าจอ เราต้องเลือกว่าคำไหนคือคำที่เข้าใช้กันจริง ๆ ในภาษาอังกฤษ โดยให้เวลาทั้งหมด 1 นาที เมื่อเลือกครบแล้ว จึงไปข้อต่อไปได้
ความท้าทายของข้อสอบรูปแบบนี้ก็คือ เขาสร้างคำที่ดูเหมือนจะใช่ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ คำที่เรามั่นใจแน่ ๆ เราจะทำได้ แต่คำที่เราไม่เคยเห็นทุกคนจะดูเหมือนจะใช่คำที่เขาใช้กันจริง ๆ ไปเสียทั้งหมด ตรงนี้คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า การอ่านหนังสือมาเยอะ ๆ เห็น Vocabulary มามากพอ น่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดครับ
เติมคำในช่องว่าง โดยบอกตัวอักษรตัวแรก ๆ มาให้
เขาจะมี Paragraph สั้น ๆ ให้เราอ่าน โดยที่คำศัพท์บางคำนั้น จะให้ตัวอักษรมาแค่ตัวแรก ๆ ยกตัวอย่างเช่น The qu??? brown fox jumps over the lazy dog. เราก็ต้องคิดว่าตรง ??? เป็นตัวอักษรอะไรบ้าง แล้วก็เติมลงไป จะมีคำที่เราต้องเติมน่าจะประมาณ 10 กว่าคำใน Paragraph นี้ ทั้งหมดให้เวลา 3 นาที
ส่วนนี้ทำแล้วสนุกดี เหมือนกำลังเล่นเกม บางคำที่ต้องเติมก็ง่ายมากเพราะมันชัดเจนว่าต้องเป็นคำว่าอะไรแน่ ๆ (แต่ไม่แน่ครับ ผมอาจจะทำผิดก็ได้) บางคำก็ท้าทายหน่อยตรงที่เราต้องอ่านรวม ๆ ทั้งเรื่องที่ให้มาก่อน ถึงจะพอเดาได้ว่าน่าจะเป็นคำว่าอะไร เช่นเดิมคือประสบการณ์ในการอ่านและเห็นคำศัพท์มาเยอะ คือสิ่งที่ช่วยได้
ได้ยินอะไร ให้พิมพ์ลงไปตามนั้น
ข้อสอบจะพูดประโยคหนึ่งให้เราฟัง จากนั้นให้เราพิมพ์สิ่งที่เราได้ยินทั้งหมดลงไป เราสามารถกดฟังซ้ำได้อีก 2 ครั้ง รวมเป็นทั้งหมด 3 ครั้ง บางครั้งประโยคที่ให้มาก็สั้น ๆ บางครั้งก็มีหลายประโยคต่อเนื่องกัน
ความท้าทายของ Part นี้คือ เราอาจเก็บรายละเอียดทั้งหมดไม่ได้ตั้งแต่รอบแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยคที่ยาว ๆ เพราะเป้าหมายคือเราต้องพิมพ์ให้ถูกต้องทั้งหมด คำแนะนำคือ ควรพิมพ์เท่าที่ฟังออกตั้งแต่รอบแรกลงไปก่อน จากนั้นรอบของการฟังซ้ำอีก 2 รอบคือการเติมสิ่งที่ยังขาดเข้าไปให้สมบูรณ์ ถ้ารอฟังครบ 3 รอบก่อนแล้วเก็บไว้ค่อยตอบทีเดียว โอกาสผิดพลาดน่าจะสูงขึ้นครับ
อธิบายรูปภาพด้วย 1 ประโยค
ข้อสอบแบบนี้จะมีรูปภาพขึ้นมา 1 รูป แล้วให้เวลาเรา 1 นาที ในการพิมพ์อะไรก็ได้เกี่ยวกับรูปภาพนี้ 1 ประโยค
ดูเหมือนจะเป็นข้อสอบรูปแบบที่ไม่ซับซ้อนมากนัก แต่ปัญหาที่ตัวผมเองเจอกับข้อสอบลักษณะนี้คือ ผมใช้เวลาคิดนานเกินไปว่าจะพิมพ์อะไรดี ตอนผมสอบมีข้อหนึ่งที่ผมได้เป็นรูปเด็ก 3 คนยืนรับรางวัลจากการแข่งขันอย่างหนึ่ง พอมัวแต่คิดว่าจะเขียนมุมไหนดี ปรากฎว่าเวลาเกือบหมด เลยเขียนไปผิด ๆ ถูก ๆ อย่าลืมว่าเขาต้องการแค่ 1 ประโยคครับ เราอาจจะไม่ต้องคิดอะไรนานขนาดนั้นก็ได้
อ่านออกเสียงประโยคที่แสดงบนหน้าจอ
ตรงนี้เขาจะมีประโยคสั้น ๆ 1 – 2 ประโยคขึ้นมาที่หน้าจอ เมื่อเราพร้อมแล้วเราก็กด Record เสียงของเราลงไปตามประโยคที่ขึ้นมา
มีอยู่ข้อหนึ่งที่ผมไม่ได้เตรียมตัวก่อน พอประโยคขึ้นมาผมก็กด Record ทันที โดยไม่ได้เตรียมตัว พออ่านไปได้ไม่กี่คำ เจอคำยากที่ไม่คุ้นเคย เลยสะดุดกับคำนั้น ทำให้สติหลุดอ่านต่อที่เหลือผิด ๆ ถูก ๆ ไปเลย เพราะฉะนั้น ตั้งสติก่อนกด Record นะครับ พอมีเวลาให้เตรียมได้ เผื่อมีคำยาก ๆ ที่ไม่คุ้นเคยจะได้เตรียมซ้อมไว้ในใจก่อน
แล้วก็อย่าลืมว่าต้องกด Record ก่อนถึงจะพูดได้นะครับ ผมมีพูดไปแล้วลืมกด Record ก็งง ๆ อยู่ว่าทำไมมันไปข้อต่อไปไม่ได้ สรุปคือเรายังไม่ได้ Record อะไรลงไปเลย ดีว่าไม่หมดเวลาเสียก่อนครับ
พูด 30 วินาทีเกี่ยวกับประเด็นที่ให้มา
บนหน้าจอจะมีประเด็นที่เขาอยากจะให้เราพูดถึง เป็น List ของคำถามประมาณ 3 – 4 ข้อที่เกี่ยวข้องกัน ให้เราเตรียมตัว จากนั้น ให้เวลา 30 วินาทีให้เราพูดประเด็นเหล่านั้นให้ครบถ้วน ถ้าจำไม่ผิด มีอีกรูปแบบหนึ่งด้วยคือ เขาจะพูดเป็นเสียงว่าอยากให้เราพูดถึงประเด็นอะไร แทนที่จะแสดงประเด็นเหล่านั้นบนหน้าจอ
ผมสังเกตตัวเองตอนทำส่วนนี้ ปัญหาที่เจอคือการพูดแล้ววกไปวนมา เพราะเหมือนพอเราตอบประเด็นแรกสั้นไป พอตอบประเด็นถัด ๆ มาเสร็จ ก็วกไปตอบประเด็นแรกใหม่ เพราะฉะนั้นสำคัญที่สุดคือการวางแผนให้ดี ว่าทำอย่างไรให้ 30 วินาทีนั้นมันลื่นไหลที่สุดครับ
เขียน 50 words เกี่ยวกับประเด็นที่ให้มา
คล้าย ๆ อันก่อนหน้านี้ครับ แต่แทนที่จะพูด ก็เปลี่ยนเป็นการพิมพ์ตอบแทน เขาจะให้ประเด็นมาและให้เวลา 5 นาที ในการเขียนให้ได้อย่างน้อย 50 words เกี่ยวกับประเด็นเหล่านั้น ตรงนี้คงเทียบเท่ากับการเขียน Essay ในการสอบอื่น ๆ แต่มีเวลาจำกัดมากและจำนวนคำไม่ได้เยอะ
ผมว่าเคล็ดลับของส่วนนี้คล้ายกับส่วนที่แล้วคือการวางแผนการเขียนให้ดี ๆ เอาจริง ๆ 5 นาทีถือว่าเหลือเฟือในการเขียนให้ได้ 50 words แต่เราจะเลือกใช้คำอย่างไร จะสื่อสารอย่างไร นั่นน่าจะเป็นประเด็นที่สำคัญมาก ๆ ครับ อย่างประเด็นที่ผมได้คือ การเรียน online ทำให้เด็ก ๆ เรียนรู้ได้มากขึ้นและไวขึ้นหรือไม่อย่างไร ผมก็พยายามที่จะดูว่าสิ่งที่ผมเขียนนั้น ตอบคำถามครบทั้ง 2 ประเด็นที่เขาถามมาหรือไม่
Interview และ Writing Sample
สำหรับรูปแบบข้อสอบทั้งหมดที่พูดถึงไปแล้ว จะเป็นส่วนที่ถูกนำไปคิดออกมาเป็นคะแนนการสอบของเรา ยังมีข้อสอบอีกสองส่วนที่จะอยู่ท้ายข้อสอบเหล่านี้ ซึ่งจะไม่ถูกนำมาคิดคะแนน แต่ใช้เป็นข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อส่งให้กับทางสถาบันที่เราจะสมัครเรียนต่อไปครับ นั่นคือ Interview และ Writing Sample
การ Interview เขาจะให้เikเลือก 1 จาก 2 หัวข้อที่เขาให้มา แล้วให้เวลาเราพูดถึงหัวข้อนั้น 1 – 3 นาที และในส่วนของ Writing Sample เขาจะให้เราเลือก 1 จาก 2 หัวข้อเช่นกัน แล้วให้เราเขียนเกี่ยวกับหัวข้อนั้นเป็นเวลา 3 – 5 นาที โดยไม่จำกัดความยาว ผมคิดว่าทั้ง 2 ส่วนนี้คล้าย ๆ กับข้อสอบใน 2 แบบสุดท้าย เพียงแต่เขาให้เวลาเรานานขึ้น เพื่อให้เป็นข้อมูลให้กับสถาบันที่เราจะสมัครเรียนได้ละเอียดขึ้นครับ
เมื่อสอบเสร็จ
เมื่อสอบเสร็จแล้ว อย่าเพิ่งปิดคอมพิวเตอร์ หรือปิด Application ของเขานะครับ เพราะทุกอย่างที่เราสอบไป จะถูกส่งไปยังส่วนกลางของเขาในช่วงนี้ ต้องแน่ใจว่าช่วงนี้อินเตอร์เน็ตของเรายังดีอยู่ ตรงนี้ใช้เวลาน่าจะประมาณ 5 – 10 นาทีในการส่งข้อมูลครับ
และระหว่างที่เราต้องรอให้ข้อมูลส่งไปให้เรียบร้อย เขาจะมีให้เราทำ Survey เกี่ยวกับการสอบ Duolingo English Test และประสบการณ์การสอบ English Test อื่น ๆ ของเราอีกนิดหน่อย เราก็ตั้งใจตอบไปถือเป็นการช่วยเขาพัฒนาการสอบให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ก็จะพอดีกับเวลาที่ระบบทำงานจนเสร็จส่งข้อมูลได้อย่างครบถ้วนครับ
เมื่อเสร็จแล้วก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นครับ จะมี Email ส่งมาบอกว่าผลสอบจะได้ภายใน 48 ชั่วโมง เมื่อถึงเวลาก็จะส่งผลสอบมาให้ทาง Email หรือสามารถเข้าไปดูในเว็บไซต์ของเขาได้ครับ
เกี่ยวกับผลสอบ
บางคนได้ผลสอบภายในประมาณไม่กี่ชั่วโมง ส่วนของผมนั้นน่าจะเกือบ 48 ชั่วโมงตามที่เขาบอกไว้ เพราะฉะนั้นใครต้องใช้ผลให้ทันภายในวันไหน ขอให้ประเมินเป็น Worst case ไว้ก่อนว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 วันนะครับ นอกจากนี้ให้เผื่อในกรณีของการต้องสอบใหม่ด้วยครับ มีกรณีของคนที่ตอนสอบหันไปมองทางอื่นแล้วหน้าตัวเองหลุดออกไปจากหน้าจอ หรือมีเสียงโทรศัพท์มือถือดังระหว่างการสอบ อันนี้เขาให้สอบใหม่โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่ก็ต้องเสียเวลาในการทำใหม่และรอผลออกไปอีก เพราะฉะนั้นให้วางแผนดี ๆ และทำตามเงื่อนไขของการสอบอย่างเคร่งครัดครับ
คะแนนในแต่ละ Part ของ Duolingo English Test จะแบ่งไม่เหมือนกับ IELTS ที่เป็นแยกทักษะ Listening, Speaking, Reading, Writing แต่จะแบ่งเป็นในมุมของการนำไปใช้จริงนั่นคือ
- Literacy คือความสามารถในการ Reading และ Writing
- Comprehension คือความสามารถในการ Listening และ Reading
- Conversation คือความสามารถในการ Speaking และ Listening
- Production คือความสามารถในการ Writing และ Speaking
ซึ่งเหล่านี้คือ Subscore แล้วก็จะมีคะแนนรวมที่เป็น Overall อีกคะแนนหนึ่ง

ซึ่งถ้าจะตรวจสอบว่าคะแนนที่ได้นั้น ทั้ง Overall และแต่ละ Part นั้นผ่านเกณฑ์ที่สถาบันที่เราจะสมัครต้องการหรือไม่ ให้ตรวจสอบจากสถาบันนั้น ๆ โดยตรงครับ
ทั้งนี้ เราสามารถเทียบคะแนนที่ได้กับการสอบอย่าง IELTS หรือ TOEL ได้ด้วย รวมถึงทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลของคะแนนมากขึ้นได้ที่นี่ครับ https://englishtest.duolingo.com/scores
นอกจากนี้ ผลสอบที่ได้สามารถส่งไปยังสถาบันที่เราต้องการได้ แต่ก็ควรตรวจสอบกับทางสถาบันก่อนว่าต้องการให้ส่งผลสอบด้วยวิธีไหน นี่เป็นแค่ Service ที่ทาง Duolingo English Test มีให้เท่านั้น ตรวจสอบก่อนเสมอครับ
สรุป
โดยสรุปแล้ว Duolingo English Test น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องใช้ผลสอบภาษาอังกฤษในการเรียนต่อครับ โดยมีจุดเด่นในเรื่องของความสะดวกของการสอบที่ไหนเวลาไหนก็ได้ และใช้เวลาไม่นานทั้งในเรื่องของเวลาในการสอบและการรอผลสอบ ทั้งนี้ขอฝากทิ้งท้ายไว้ว่า
- ไม่ใช่ทุกที่ ที่รับผลสอบ Duolingo English Test ขอให้ตรวจสอบให้ดี ไม่งั้นผลสอบที่ได้ ก็นำไปใช้ไม่ได้ครับ
- เผื่อเวลาให้ดีว่าผลสอบจะออกทันกำหนดที่ต้องใช้หรือไม่ และให้เผื่อไปถึงกรณีผิดพลาดที่ต้องสอบใหม่ด้วย
- นี่คือการสอบจริง ๆ เพราะฉะนั้นสถานที่สอบต้องมีความเป็นส่วนตัว ไม่มีใครรบกวน และบางอย่างที่การสอบจริง ๆ ห้ามทำเช่น การมีโทรศัพท์มือถืออยู่กับตัวแล้วมีเสียงดังขึ้นมา หรือ การออกจากหน้าจอสลับไปดูอย่างอื่น การสอบ Duolingo English Test นี้ ก็ห้ามทำเช่นกัน
- ซ้อมทำข้อสอบก่อน ให้คุ้นเคยว่าข้อสอบมีแบบไหนบ้าง ซ้อมทำได้ที่นี่ครับ https://englishtest.duolingo.com/quick ใช้เวลาแค่ประมาณ 15 นาทีเท่านั้นครับ
- อ่านคู่มือเกี่ยวกับการสอบได้ที่นี่ครับ https://englishtest.duolingo.com/guide
- เตรียมตัวให้ดี ทานน้ำ เข้าห้องน้ำ ให้เรียบร้อย เพราะระหว่างสอบหันไปทำอย่างอื่น หรือ ลุกไปที่อื่นไม่ได้เลย
- ทำข้อสอบให้สนุกครับ คิดเสียเวลากำลังเล่นเกมครับ เพราะมันเหมือนกำลังเล่นเกมอยู่เหมือนกัน
- ทำข้อสอบข้อสุดท้ายเสร็จแล้ว ยังไม่จบ ต้องรอให้ระบบ Upload ข้อมูลของเราให้เสร็จ ต่ออินเตอร์เน็ตไว้ดี ๆ เสร็จทั้งหมดแล้วค่อยไปทำอย่างอื่นครับ
ขอให้ทุกคนโชคดีและได้ผลลัพธ์ตามที่ตั้งใจในการสอบนะครับ