ทำไมต้อง Study in Japan? เชื่อว่าหลายคนที่มีความชื่นชอบในภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ไม่ว่าจะผ่านการฟังเพลง การอ่านมังงะ หรือดูโดราม่าก็ตาม มีความใฝ่ฝันว่าสักครั้งในชีวิตอยากไปเรียนที่ญี่ปุ่น ทำให้ในทุก ๆ ปี ประเทศญี่ปุ่นจะเป็นจุดหมายปลายทางแรก ๆ ในเอเชียที่คนไทยอยากไปเรียนภาษาระยะสั้นที่ประเทศญี่ปุ่น หรืออยากไปศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะอยู่ในทวีปเอเชียก็ตาม แต่วัฒนธรรมนั้นก็มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนและมีความแตกต่างจากประเทศไทยอย่างมาก เพื่อให้คนที่สนใจจะไปร่ำเรียนที่ประเทศญี่ปุ่นได้รู้ประเทศญี่ปุ่นอย่างลึกก่อนตัดสินใจไป ทาง APSthai เลยโครงการ Study in Japan ที่จะช่วยให้คำแนะนำเรื่องการศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่น (Study in Japan) ให้กับบุคคลที่มีความสนใจ โดยจะเขียนบทความเพื่อให้ความรู้กับผู้ที่สนใจทั้งในด้านวัฒนธรรมญี่ปุ่น และการศึกษาญี่ปุ่นต่อไป
ช่วงนี้ถ้าใครได้มีโอกาสมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นจะพบว่ามีคนเยอะมากตามท้องถนน ตามห้างร้านและทุกย่อมหญ้าในประเทศญี่ปุ่น เพราะในช่วงสัปดาห์นี้ ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคมจนถึงวันที่ 7 พฤษภาคม เป็นช่วง Golden Week「ゴールデンウィーク」นั่นเองค่ะ หรือคนญี่ปุ่นจะเรียกว่า 連休 อ่านว่า renkyuu ที่แปลว่าวันหยุดติดต่อกัน ช่วงนี้หลาย ๆ คนเลยแนะนำว่าอย่ามาเที่ยวญี่ปุ่นดีกว่า เพราะก็อาจจะเหมือนสงกรานต์บ้านเรา ที่ต่างคนต่างออกมาจับจ่ายใช้สอย แต่ว่าผู้เขียนเองอยู่ที่ญี่ปุ่นกลับรู้สึกว่าได้รู้จักวัฒนธรรมญี่ปุ่นและคนญี่ปุ่นไปอีกแบบ อีกทั้งในบางพื้นที่ยังมีเทศกาลที่จัดขึ้นแค่ปีละครั้งด้วย ถึงแม้ว่าคนจะเยอะ แต่ก็น่าตื่นตาตื่นใจค่ะ อากาศก็ยังไม่ได้ร้อนจัด เย็นสบาย พูดมาขนาดนี้หลายคนคงสงสัยว่าทำไมจะต้องหยุดนานขนาดนี้ มีเหตุผลอะไร? หรือแค่หยุดให้คนออกมาใช้จ่ายเฉย ๆ ที่จริงแล้วมีที่มาที่ไปค่ะ เหตุผลคืออะไรไปดูกันเลย
Golden Week คืออะไร?
เหตุผลที่คนญี่ปุ่นมี Golden Week ในช่วงระหว่างวันที่ 3 พฤษภาคมจนถึงวันที่ 7 พฤษภาคมก็เพราะว่ามีวันหยุดนักขัตฤกษ์ติดต่อกันหลายวัน เริ่มตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคมเลยค่ะ โดยเริ่มกันตั้งแต่วันแรก

29 เมษายน (昭和の日) หรืออ่านได้ว่า Shōwa no Hi หรือว่าเป็นวันโชวะ (Showa Day) ในยุคนั้นได้จัดให้มีวันหยุดนี้ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่วันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะในยุคโชวะค่ะ และได้มีการเปลี่ยนพระจักรพรรดิในปี 1989 วันดังกล่าวจึงถูกเปลี่ยนเป็น Greenery Day หรือ “วันสีเขียว” และในปี 2007 ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นวันโชวะอีกครั้ง และเลื่อนวันสีเขียวไปเป็นวันที่ 4 พฤษภาคมแทนค่ะ

3 พฤษภาคม (憲法記念) หรืออ่านได้ว่า Kenpō Kinenbi เป็นวันรัฐธรรมนูญ (Constitution Memorial Day) วันนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อระลึกถึงการบังคับใช้รัฐธรรมนูญของญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือเป็นวันคล้ายที่รัฐธรรมนูญของญี่ปุ่นมีผลบังคับใช้ครั้งแรกนั่นเองค่ะ ก็จะเหมือนกับวันที่ 10 ธันวาคมของเราบ้าน

4 พฤษภาคม (みどりの日) หรืออ่านได้ว่า Midori no Hi เป็นวันสีเขียว (Greenery Day) ที่จัดตั้งวันนี้ขึ้นก็เพื่อรำลึกถึงความสำคัญของธรรมชาติที่มีต่อมนุษย์ จากที่กล่าวไปแล้วว่าแต่เดิมเดิมมีขึ้นในวันพระราชสมภพของพระจักรพรรดิโชวะ (29 เม.ย.) แต่ได้เปลี่ยนมาเป็นวันที่ 4 พ.ค. ในภายหลัง

5 พฤษภาคม (子供の日) หรืออ่านได้ว่า Kodomo no Hi เป็นวันเด็กผู้ชาย (Children’s Day) เนื่องจากในสมัยก่อนเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองเพื่อให้เด็กผู้ชายเติบโตอย่างแข็งแรงสมบูรณ์ หรือภาษาญี่ปุ่นคือ 端午の節句 อ่านว่า Tango no sekku ในแต่ละครอบครัวก็จะเฉลิมฉลองและอวยพรให้ลูกชายมีสุขภาพที่แข็งแรง จะประดับธงปลาคาร์พเอาไว้ค่ะ ถึงแม้ว่าสำหรับวันเด็กผู้หญิงจะตรงกับวันที่ 3 มีนาคม แต่ในปัจจุบันนี้ วันที่ 5 พฤษภาคมก็ถือเป็นวันแห่งความสุขของเด็กไม่ว่าจะชายหรือหญิงค่ะ
ที่จริงแล้ว ยังมีวันหยุดอีกมากในญี่ปุ่น แต่แค่ว่าไม่ได้หยุดติดต่อกันหลายวันเหมือนกับ Golden Week เท่านั้นค่ะ หลังจากที่พูดคุยกับคนญี่ปุ่นหลายคน ก็มีความเห็นที่แตกต่างกันออกไปเกี่ยวกับแพลนในช่วงวันหยุดยาวนี้ค่ะ บางคนบอกว่าจะอยู่บ้านตลอดทุกวัน เพราะว่าไม่อยากออกไปไหนคนเยอะ หรืออาจจะออกไปกินข้าวนอกบ้านกับครอบครัว หรือเพื่อนก็ได้ แต่ก็จะไม่ออกไปไหนไกลมากค่ะ แต่บางคนก็รอคอยช่วงเวลานี้มาทั้งปี ก็จะมีจัดทริปไปเที่ยวต่างจังหวัดกับครอบครัวหรือเพื่อน เพราะฉะนั้นแล้วถ้าใครที่ได้มีโอกาสมาที่ญี่ปุ่นในช่วงนี้ ก็จะได้เห็นบรรยากาศที่ครึกครื้น ได้เจอคุณพ่อคุณแม่พาลูก ๆ มาเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ เห็นแล้วก็สนุกไปอีกแบบนะคะ แต่ถ้าใครที่ไม่ได้ชอบคนเยอะ แนะนำให้มาหลังจากช่วงนี้ดีกว่าค่ะ สำหรับตัวผู้เขียน ขอเที่ยวรอบเมืองที่ตัวเองอยู่ก็ถือว่าเป็นการเรียนรู้วิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นได้ดีทีเดียวค่ะ