ที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะเรียนในหลักสูตรไหนก็ตามทั้ง UK US และ IB ทักษะในการเรียนรู้ด้วยตัวเองหรือ Self-study มีความสำคัญอย่างมาก และถ้ามีทักษะที่สำคัญอื่น ๆ เช่น Critical Thinking, Social Leadership, Creativity และ Communication เป็นต้น ก็จะยิ่งทำให้เราประสบความสำเร็จในการเรียนและการทำงานมากขึ้นไปอีก แต่ทักษะที่พูดมายังไม่ใช่ทั้งหมด ยังมีอีกหลายอย่างที่เราต้องฝึกฝนและทำอย่างต่อเนื่องจนติดเป็นนิสัย ก็จะทำให้เรามีความพร้อมมากขึ้นไม่ว่าจะเจอสถานการณ์อะไรก็ตาม แต่ที่ให้ความสำคัญกับ Self-study อย่างมาก ก็เพราะว่าการเรียนในหลักสูตรอังกฤษ ไม่เหมาะกับคนที่ขี้เกียจ และคนที่จะเรียนในหลักสูตรนี้ได้อย่างประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่คนที่เรียนเก่งอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องหาตัวเองให้เจอ รู้ว่าตัวเอง Born to be อะไร เพราะหลักสูตรอังกฤษ นักเรียนจะต้องเลือกเส้นทางชีวิตตัวเองตั้งแต่ตอนเรียน A-Level โดยจะเลือกวิชาเพียง 3 ถึง 4 วิชาที่สอดคล้องกับคอร์สที่ตัวเองอยากจะเรียนในระดับมหาวิทยาลัย เพราะฉะนั้นถ้าไม่รู้ตัวเอง เลือกผิด ก็ทำให้เสียเวลา และโอกาสที่จะเข้าเรียนได้ เพราะฉะนั้นคนที่เข้ามาเรียนในระบบนี้ โดยเฉพาะคนที่สามารถเข้าไปเรียนในมหาวิยาลัยในประเทศอังกฤษได้ คือคนที่เก่งและหาตัวเองเจอ ยิ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่ท็อปมากเท่าไร ก็ยิ่งต้องมีโปรไฟล์ที่ดีมากขึ้นเท่านั้น แล้วทำไม Self-study ถึงสำคัญ?

ทำไม Self-study ถึงสำคัญในระบบอังกฤษ?

ขอตอบสั้น ๆ ว่า ถ้าไม่รู้จัก Self-study ก็จะเรียนไม่ทันเพื่อนและสุดท้ายเมื่อคะแนนไม่ดี ก็จะถูกเชิญออกในที่สุด ได้มีโอกาสพูดคุยกับน้องนักเรียนที่ได้เข้าไปเรียนในระดับ A-Level ในโรงเรียน Top หลายคน ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าถ้าไม่อ่านไปก่อนล่วงหน้า จะตามเนื้อหาไม่ทัน และจะเหนื่อยมากเพราะต้องอ่านตามหลังเยอะมาก ถึงแม้บางคนจะอ่านหนังสือล่วงหน้าหรือติวบาง Unit ไปล่วงหน้าก็ตาม แต่ก็ต้องหมั่นศึกษาเองอยู่เสมอ เหตุการณ์เหล่านี้จะยังไม่เกิดขึ้นมากเท่าไรในตอนที่น้อง ๆ เรียนอยู่ในระดับก่อนขึ้น A-Level เพราะคุณครูยังคงสอนในห้องอยู่ เช่นครูสอน 80% และต้องอ่านเพิ่มเองอีก 20% แต่พอขึ้นมาในระดับ A-Level แล้ว คุณครูจะไม่ได้มาสอนเนื้อหาในบทเรียนแล้ว ทุกคนต้องอ่านและทำความเข้าใจกันมาก่อนเข้าห้องเรียนอยู่แล้ว และพอเข้ามาในห้องคุณครูจะตั้งคำถามเพื่อเช็คว่าทุกคนเข้าใจหรือไม่ เช่น ให้ทุกคนทำ Group Discussion ลองนึกภาพตามว่า ถ้าไม่ได้เตรียมเนื้อหามาก่อน เราจะเอาความรู้ตรงไหนไป Discuss กับเพื่อน แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะพบกับความเปลี่ยนแปลงจนรับมือไม่ได้ ที่จริงแล้วหลักสูตรอังกฤษ จะค่อย ๆ ฝึกฝนให้ทุกคนมี Self-study มาเรื่อย ๆ ก่อนที่จะขึ้น A-Level อยู่แล้ว ในบางโรงเรียนท็อปมาก ๆ อย่างเช่น OIC จะมี Reading List ให้นักเรียนทุกคนไปหาอ่านล่วงหน้ากันก่อนเข้าเรียนเลยค่ะ

เพราะฉะนั้นใครที่คิดว่า ‘โรงเรียนที่อังกฤษไม่เห็นจะสอนอะไรเลย’ ถือว่าเป็นความเข้าใจผิดนะคะ เพราะฉะนั้นใครที่อยากจะเรียนต่อ IGCSE, A-Level หรือมหาวิทยาลัยในอังกฤษแล้วยังไม่มีทักษะนี้เลย ควรฝึกฝนอยู่เสมอ ที่จริงแล้วเพียงแค่ต้องหาให้เจอว่าเรา ‘เก่ง รัก ชอบ ถนัดและมีความสุข’ กับเรื่องไหน ก็จะทำให้เราอยากจะศึกษาเรื่องนั้นด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องมีใครมาสั่งแล้วค่ะ

และถึงแม้ว่าจะไม่ได้เรียนในระบบอังกฤษก็ตาม ทักษะ Self-study ก็มีความสำคัญมากทั้งในการเรียนและการทำงาน ด้วยเหตุผลหลัก 3 ข้อ

เหตุผลที่ 1: Self-study ทำให้เรามีอิสระในการเรียนรู้ (Independent learning)

ต่อให้ไม่มีคุณครูสอน เราสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองในทุกสถานการณ์ ไม่ต้องเอาตัวเองไปผูกติดกับใครอยากรู้ในเรื่องไหน ก็ไปหาข้อมูลด้วยตัวเองได้ โดยที่ไม่ต้องรอให้ใครมาบอก มีอิสระในการค้นหาข้อมูล ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญในการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยหรือแม้แต่ในการทำงาน เพราะเป็นโลกที่เรียนรู้ไม่สิ้นสุด

เหตุผลที่ 2: Self-study ทำให้เรามีความยืดหยุ่นมากขึ้น (Flexibility)

เราไม่จำเป็นต้องรอใคร เมื่อเราอยากรู้อะไรเราสามารถทำตาม pace ของตัวเองได้เลย เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา เช่น ตอนนี้อยากเรียนเกี่ยวกับการ Coding เราก็จัดสรรเวลาวันละ 1 ชั่วโมงในการอ่านหนังสือ หรือแม้แต่ลองฝึก Coding ได้ โดยที่ไม่ต้องรอคนอื่นมาสอน

เหตุผลที่ 3: Self-study ทำให้เรามีความรู้ที่ลึกมากขึ้น (Depth of knowledge)

เมื่อเราสนใจเรื่องไหนอย่างมาก เราจะศึกษาเรื่องนั้นลึกขึ้น เช่น ในห้องเรียนคุณครูพูดถึงเรื่องสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน เราอยากรู้มากขึ้นว่าผลกระทบของเหตุการณ์นี้ที่มีต่อประเทศไทยมีอะไรบ้าง? ในฐานะที่เราเป็น Global Citizen เราสามารถทำอะไรได้บ้าง? มีมุมมองไหนบ้างที่เราต้องรู้เพิ่ม เป็นต้น เราสามารถเรียนรู้ได้ลึกเท่าที่เราต้องการ ซึ่งระบบอังกฤษชอบคนที่รู้ลึกมาก

ใครที่รู้ตัวแล้วว่าตอนนี้ยังขาดทักษะนี้อยู่ อยากให้ลองฝึกได้แล้วนะคะ เริ่มจากเรื่องที่เราสนใจอยู่ตอนนี้ก็ได้ เมื่อทำเป็นประจำจนชินแล้ว เมื่ออยากรู้เรื่องอะไร ก็จะสามารถค้นหาได้ด้วยตัวเอง และก็เป็นบุคคลที่เป็น Lifelong Learner ค่ะ