ทำไมต้อง Study in Japan? เชื่อว่าหลายคนที่มีความชื่นชอบในภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ไม่ว่าจะผ่านการฟังเพลง การอ่านมังงะ หรือดูโดราม่าก็ตาม มีความใฝ่ฝันว่าสักครั้งในชีวิตอยากไปเรียนที่ญี่ปุ่น ทำให้ในทุก ๆ ปี ประเทศญี่ปุ่นจะเป็นจุดหมายปลายทางแรก ๆ ในเอเชียที่คนไทยอยากไปเรียนภาษาระยะสั้นที่ประเทศญี่ปุ่น หรืออยากไปศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะอยู่ในทวีปเอเชียก็ตาม แต่วัฒนธรรมนั้นก็มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนและมีความแตกต่างจากประเทศไทยอย่างมาก เพื่อให้คนที่สนใจจะไปร่ำเรียนที่ประเทศญี่ปุ่นได้รู้ประเทศญี่ปุ่นอย่างลึกก่อนตัดสินใจไป ทาง APSthai เลยโครงการ Study in Japan ที่จะช่วยให้คำแนะนำเรื่องการศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่น (Study in Japan) ให้กับบุคคลที่มีความสนใจ โดยจะเขียนบทความเพื่อให้ความรู้กับผู้ที่สนใจทั้งในด้านวัฒนธรรมญี่ปุ่น และการศึกษาญี่ปุ่นต่อไป

นอกจากเรื่องคอร์สที่เรียนและมหาวิทยาลัยที่อยากมาเรียนต่อแล้ว สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการเรียนและใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น และในตอนนี้ค่าเยนถูกลงอย่างมาก เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับใครที่สนใจอยากมาเรียนต่อประเทศญี่ปุ่น เพราะญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องค่าครองชีพที่แพง ถ้ามาในตอนที่ค่าเยนแพงเราเองก็เสียเงินมากขึ้น อีกทั้งตอนนี้ใครที่อยากมาเรียนภาษาเพื่อเตรียมตัวเรียนต่อที่ญี่ปุ่น หลายโรงเรียนเปิดรับสมัครสำหรับปีการศึกษาหน้าในเดือนเมษายน 2024 แล้วค่ะ มาดูกันว่าขั้นตอนในการสมัครมีอะไรบ้าง

1. หาโรงเรียนที่เหมาะสม

นอกจากให้ความสำคัญเรื่องของความสะดวกสบายของที่เรียนแล้ว สิ่งที่สำคัญเลยก็คือสถานที่เรียนนั้นเหมาะสมหรือไม่ สิ่งที่ให้ลองตรวจสอบดูให้ดีว่าโรงเรียนที่เราอยากไปนั้นสามารถดูแลเราได้ตามวัตถุประสงค์ที่เราต้องการหรือไม่? เช่น ถ้าอยากจะสอบ JLPT หรือ EJU ทางโรงเรียนสามารถสอนให้เราสอบได้ตามที่เราต้องการไหม หรือถ้าใครอยากต่อปริญญาตรีหรือปริญญาโท เราก็ต้องดูให้ดีว่าโรงเรียนไหนที่เหมาะสมกับเป้าหมายเราค่ะ อีกทั้งให้ตรวจสอบให้ดีว่าโรงเรียนนั้นมีคนจากประเทศไหนมาเรียนบ้าง เพื่อให้เราสามารถรู้ได้ว่าสิ่งแวดล้อมจะเป็นอย่างไร เหมาะสมกับเราหรือเปล่า ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถถามได้จากทาง APSthai เข้ามาปรึกษาให้ช่วยแนะนำได้ค่ะ

2. ส่งใบสมัครและชำระค่าสมัครเรียน

เมื่อเราเลือกโรงเรียนได้แล้ว ก็ส่งใบสมัครไปที่โรงเรียนได้เลย แต่บางโรงเรียนอาจจะให้เราส่งใบสมัครผ่าน Agent ที่เขาดูแล้วอยู่ที่ไทย ถ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ให้ทาง APSthai ช่วยดูให้ได้ค่ะ หลังจากนั้นก็ให้ชำระค่าสมัครเรียนตามที่โรงเรียนกำหนด

3. เตรียมเอกสารให้ครบและส่งเอกสารไปญี่ปุ่น

เมื่อส่งใบสมัครเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางโรงเรียนจะแจ้งมาว่าเราต้องให้เอกสารที่สำคัญอะไรบ้าง เพื่อออก COE ค่ะ เอกสารที่ใช้มีความสำคัญมาก ให้เตรียมให้พร้อมให้ทันเวลา เพราะต้องส่งด้วยจดหมายไปที่ญี่ปุ่น บางที่อาจจะอนุญาตให้เราส่งทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ แต่ก็ต้องส่งไปด้วยจดหมายอยู่ดี เพราะฉะนั้นถ้าขาดเหลืออะไรและส่งไปไม่ทัน ก็จะทำให้เราได้ COE ช้า และส่งผลให้การพิจารณาวีซ่านักเรียนช้าไปด้วยค่ะ

4. รอผลจากกองตรวจคนเข้าเมือง

เมื่อยื่นเอกสารไปครบถ้วนแล้ว ก็ให้รอผลจากกองตรวจคนเข้าเมืองประเทศญี่ปุ่นค่ะ ทั้งนี้อาจจะใช้เวลานานถึง 4 เดือน เพราะฉะนั้นเราควรเตรียมเอกสารให้ครบแต่เนิ่น ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าค่ะ

5. ทราบผลจากกองตรวจคนเข้าเมือง

เมื่อได้ผลจากกองตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ทางโรงเรียนที่เราสมัครไปจะส่งเอกสาร COE มาให้เราใช้เพื่อยื่นวีซ่าที่สถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย

6. ชำระค่าเรียน

เราจะต้องชำระค่าเรียนในเทอมแรก เพื่อให้ทางโรงเรียนออกเอกสาร Letter of Admission เพื่อใช้ยื่นวีซ่าพร้อมกับ COE

7. ยื่นวีซ่า

เมื่อได้เอกสารครบแล้ว ก็ให้ไปยื่นเอกสารเพื่อขอวีซ่าได้ การของวีซ่าจะใช้ระยะเวลาในการพิจารณาประมาณ 5 วัน โดยเอกสารที่ใช้ประกอบไปด้วย

  • COE
  • Letter of Admission
  • Passport
  • Visa Application Form

8. จองที่พักและจองตั๋วเครื่องบิน

ทางเราแนะนำให้หาที่พักเอาไว้ แต่ให้รอได้วีซ่าก่อนแล้วถึงชำระค่าเช่าค่ะ ส่วนตั๋วเครื่องบินก็แล้วแต่เราว่าสะดวกไปช่วงไหน แต่แนะนำให้ไปก่อนเปิดเรียนค่ะ เราจะได้รู้ว่าหอพักเป็นอย่างไร โรงเรียนเป็นอย่างไร ได้มีเวลาปรับตัวก่อนค่ะ เมื่อได้ครบตามนี้แล้วก็บินได้เลยค่ะ

ใครที่ตั้งใจแล้วว่าอยากจะไปเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น ให้รีบเข้ามาคุยกันเลยนะคะ จะได้ส่งเอกสารและดำเนินเรื่องให้ทันเวลาค่ะ ที่สำคัญค่าเยนถูกลงมาก ถือว่าเป็นโชคดีของคนที่รักญี่ปุ่นเลยค่ะ