อยากทำงานกับบริษัทชั้นนำระดับโลก ก็ต้องรู้ก่อนว่าบริษัทเหล่านั้น เขากำลังมองหาคนแบบไหน

โชคดีว่า University ระดับ Top โลกทั้งหลายก็ตื่นตัวกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และพยายามเฟ้นหาคำตอบว่า บริษัทชั้นนำระดับโลก ต้องการคนแบบไหน มีทักษะอย่างไร แล้วจึงนำทักษะนั้นมาสร้างและผนวกเข้ากับหลักสูตรที่ตัวเองมี เพื่อให้ผู้ที่จบการศึกษามีความพร้อมสำหรับการก้าวสู่การทำงานในบริษัทชั้นนำระดับโลกจริง ๆ เพราะฉะนั้น ถ้าเราเข้า University ระดับ Top โลกได้ โอกาสที่เราจะได้ทำงานในบริษัทชั้นนำระดับโลกก็จะมากขึ้นไปด้วย

แต่เราไม่จำเป็นต้องรอถึงวันนั้น ถ้าเรารู้ตั้งแต่วันนี้ ว่า 10 ทักษะที่บริษัทชั้นนำระดับโลกเขามองหานั้นคืออะไรบ้าง แล้วเริ่มพัฒนาตัวเองตั้งแต่วันนี้ที่จะมีทักษะเหล่านั้น ลองคิดดูว่าเราจะก้าวหน้าและพัฒนาตัวเองไปได้มากแค่ไหน

10 ทักษะที่กำลังจะกล่าวถึงนี้ ได้มาจากการวบรวมและตกผลึกจาก Industry Reports และ Surveys ของบริษัทชั้นนำอย่าง McKinsey & Company, Deloitte, PwC, LinkedIn, Glassdoor รวมถึงบทวิเคราะห์จาก Forbes และ Harvard Business Review ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันครับ

ทักษะที่ 1 : Creativity and Innovation

โลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ธุรกิจต่าง ๆ ไม่เคยหยุดนิ่ง การคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ด้วยตัวเองจากความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ที่มีอยู่ รวมไปถึงการพัฒนาสิ่งเหล่านั้นไปเป็นนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง จะเป็นสิ่งที่บริษัทชั้นนำมองหาเป็นอันดับต้น ๆ ของยุคนี้

ทักษะที่ 2 : Critical Thinking

ยิ่งนับวันยิ่งมีข้อมูลข่าวสารมากขึ้น มีเรื่องให้ต้องตัดสินใจแทบจะตลอดเวลา การสามารถคิดได้อย่างมีเหตุผล ตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล วิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างมีหลักการ ไม่ไหลไปตามอารมณ์และประเมินสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างที่มันควรจะเป็น เป็นสิ่งที่จะทำให้ทั้งตัวบุคคลและองค์กรเอาตัวรอดไปได้อย่างยั่งยืน

ทักษะที่ 3 : Adaptability and Flexibility

ความเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมชาติที่อยู่คู่โลก ยิ่งในยุคที่ทุกสิ่งทุกอย่างมีการพัฒนาอยู่เสมอ คน ๆ หนึ่งจะไม่สามารถยึดติดอยู่กับเพียงสิ่งเดิม ๆ ที่ทำได้อีกต่อไป การสามารถปรับเปลี่ยนเนื้องานที่ทำ สภาพแวดล้อม วิธีการทำงาน ขั้นตอนต่าง ๆ รวมถึงมีความยืดหยุ่นและไม่ยึดติดกับเงื่อนไขจนเกินไป จะทำให้เราเป็นคนที่มีประโยชน์ต่อทีมงาน และทำงานได้หลากหลายมากขึ้น

ทักษะที่ 4 : Communication Skills

การสื่อสารเป็นทักษะที่มีความสำคัญอยู่เสมอไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ซึ่งนอกเหนือไปจากการพูดกับผู้อื่น การนำเสนอต่อที่ประชุม หรือการพูดโน้มน้าวเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างแล้ว แม้แต่การเขียน หรือการสื่อสารด้วยภาษากาย ก็เป็นรูปแบบของทักษะการสื่อสารที่ต้องได้รับการฝึกฝนให้มากขึ้นเช่นกัน

ทักษะที่ 5 : Project Management

ลักษณะของงานที่จะค่อย ๆ มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต คือ งานในรูปแบบของ Project ที่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด คน ๆ หนึ่งจะสามารถทำงานในบริษัทชั้นนำได้เป็นอย่างดี ถ้าเขาสามารถควบคุมดูแล Project ต่าง ๆ ให้ลุล่วงไปได้ โดยเป็นผู้คอยประสานงาน คอยหาจุดบกพร่อง และคอยเติมเต็มส่วนที่ขาด เพื่อให้สุดท้ายได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ

ทักษะที่ 6 : Collaboration and Teamwork

งานระดับใหญ่ ๆ นั้นไม่สามารถที่จะทำเสร็จลงได้ด้วยกำลังของคนเพียงคนเดียว การทำงานเป็นทีมและการร่วมมือกันจึงเป็นทักษะที่สำคัญอยู่เสมอ คนที่เข้ากับคนอื่นได้ดี เข้าใจผู้คน วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อนของตนเองและผู้อื่น จนสามารถสร้างความร่วมมือที่เอาแต่ละส่วนของแต่ละคนมาเติมเต็มกันได้ คนแบบนี้จะได้รับโอกาสที่ดีจากบริษัทชั้นนำของโลกอยู่เสมอ

ทักษะที่ 7 : Cross-Cultural Competency

ทุกวันนี้ งานต่าง ๆ มีโอกาสสูงมากที่จะไปถึงระดับโลก ต้องมีทีมงานจากหลากหลายประเทศมาร่วมมือกัน ต้องมีลูกค้าจากหลายถิ่นฐานที่มีวัฒนธรรมและพื้นฐานการดำรงชีวิตที่แตกต่างกันออกไป คนที่มีความเข้าใจ ยอมรับได้ และรู้จักประยุกต์ใช้ความแตกต่างของแต่ละคนให้เกิดประโยชน์ จะสามารถยืนระยะได้ดีในการทำงานที่ต้องเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ ได้

ทักษะที่ 8 : Digital Literacy

ปฏิเสธไม่ได้ว่าคอมพิวเตอร์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) หุ่นยนต์ รวมถึงนวัตกรรมต่าง ๆ ได้เข้ามามีบาทในการทำงานของผู้คนในยุคนี้เป็นอย่างมาก คนที่มีความสามารถในเชิง Digital ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Programming หรือ Data Analysis จะได้รับโอกาสในการทำงานที่ดีอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่มีข้อมูลมีอยู่มากมายมหาศาลและต้องการความรวดเร็วขนาดนี้

ทักษะที่ 9 : Technical Proficiency

ทักษะเฉพาะทางบางด้านในเชิงเทคนิคนั้นกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในยุคปัจจุบัน ความเข้าใจในเรื่อง Cloud Computing, Cybersecurity หรือ Machine Learning นั้น เป็นสิ่งที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะอยู่ในวงการใดก็ตาม

ทักษะที่ 10 : Emotional Intelligence

ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ความเข้าใจในเรื่องของอารมณ์ ความรู้สึก จิตใจ ทั้งของตนเองและผู้อื่นนั้น นอกจากจะช่วยลดความกระทบกระทั่งระหว่างกันแล้ว ยังช่วยให้คน ๆ หนึ่งสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขและสงบร่มเย็น เมื่อเผชิญหน้ากับปัญหา ก็เข้าใจว่าปัญหาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิต และถือเป็นโอกาสในการเรียนรู้และเติบโต ไม่หลงตีโพยตีพายและก่อให้เกิดความทุกข์จนเกินพอดี

นอกจากนี้ ความเข้าใจในตนเอง (Self-Knowledge) ว่าธรรมชาติของตนเองเป็นอย่างไร ธรรมชาติของสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเป็นอย่างไร ก็จะช่วยเสริมให้ชีวิตของเรานั้นสงบ ร่มเย็น และทำประโยชน์ตามที่สมควรจะเป็นได้มากขึ้น

สุดท้ายนี้ อยากขอฝากไว้เพื่อให้กำลังใจทุก ๆ คนว่า ขึ้นชื่อว่าทักษะแล้ว แปลว่าสิ่งนั้นสามารถฝึกฝนได้ อย่างที่กล่าวไว้ตอนต้นว่า ถ้าเข้า University ดี ๆ ระดับ Top โลกได้ ก็จะมีโอกาสมากมายที่จะได้ฝึกฝนทักษะเหล่านี้ รวมถึงทักษะอื่น ๆ ที่จำเป็นกับชีวิต แต่อย่างไรก็ดี เราไม่จำเป็นต้องรอถึงวันนั้น อะไรที่สามารถทำได้ ก็สามารถเริ่มทำเริ่มฝึกฝนกันตั้งแต่วันนี้ได้เลย

และสุดท้าย เราจะฝึกฝนทักษะต่าง ๆ ได้ดีที่สุด เมื่อเราทำการฝึกฝนผ่านสิ่งที่เรา Born to be มี Passion และตรงกับเป้าหมายชีวิตที่เราตั้งใจไว้ นอกจากจะมีความสุขกับชีวิตในทุก ๆ วันแล้ว เรายังพัฒนาตัวเองไปได้ไกลอย่างไม่หยุดยั้งอีกด้วย เพราะฉะนั้น อย่าลืมที่จะค้นหาให้เจอว่าสิ่งที่เรา เก่ง รัก ชอบ ถนัด และ มีความสุข คืออะไรนะครับ

APSthai : The Best Education In Your Own Version