การไปเรียนต่อต่างประเทศอาจเป็นความฝันของใคร ๆ หลายคน โดยเฉพาะคนที่เรียนต่อในระดับสูงหรือฝึกทักษะทางด้านภาษานั้น ๆ รวมถึงอยากไปเปิดโลกกว้างสัมผัสประสบการณ์และวัฒนธรรมใหม่ และเป็นการเพิ่มโอกาสในชีวิตให้กับตัวเอง เช่นเดียวกับผู้เขียนที่อยากจะพัฒนาทักษะด้านภาษาของตัวเอง เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำงานหรือในการเรียน สุดท้ายจึงตัดสินใจไปเรียนภาษาอังกฤษต่อที่ University of Otago Language Centre and Foundation Year (UOLCFY) เป็นสถาบันภาษาของ University of Otago ซึ่งมหาวิทยาลัย Top และเก่าแก่ที่สุดในประเทศนิวซีแลนด์ บทความนี้จะมาขอเล่าประสบการณ์ของผู้เขียนที่ได้ไปเรียนภาษาอังกฤษในต่างแดน เพื่อช่วยให้น้อง ๆ ที่อยากไปเรียนได้มีแรงบันดาลใจในการตัดสินใจที่จะไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศกันนะคะ

Q: ทำไมต้องไปเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศ มีวิธีการเลือกสถาบันภาษาอย่างไร การเตรียมตัวก่อนไปเรียน?
– แน่นอนว่าเด็กไทยที่เรียนภาษาอังกฤษมักจะเก่งในเรื่องของ Grammar หรือ Vocabulary แต่ทักษะ Reading, Writing, Speaking, Listening พอทำได้บ้าง ซึ่งการไปเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศเหมือนเป็นการที่ทำให้เราได้คุ้นชินกับภาษามากขึ้น เราจะมีโอกาสใช้ตลอด 24 ชั่วโมงกับเจ้าของภาษาและคนที่อยากฝึกภาษาเหมือนกับเรา โดยเราเองก็เลือกสถาบันภาษาจากหลายประเทศ ทั้ง Canada, Malta, Singapore และ The UK รวมถึง Australia, New Zealand แต่สิ่งสำคัญในการตัดสินใจครั้งนั้นคือ สถาบันภาษาที่จะไปเรียนต้องอยู่ในมหาวิทยาลัย เพราะคิดว่าบรรยากาศเหมาะแก่การเรียนและเนื้อหาที่สอนในสถาบันภาษาของมหาวิทยาลัยน่าจะเข้มข้นกว่า รวมถึงต้องเป็นเมืองที่มีความปลอดภัยสูง และดูความน่าอยู่ของคนในเมืองที่อยากไป จนในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกเมือง Dunedin ประเทศนิวซีแลนด์ นั่นคือ  University of Otago language centre



รูป University of Otago language centre

– การเตรียมตัวก่อนไปเรียนนั้น ตัวเรามีการเตรียมภาษาอังกฤษพื้นฐานไปบ้าง เพราะกลัวจะสื่อสารกับคนที่นั่นไม่รู้เรื่อง มีการฝึกบทสนทนาง่าย ๆ พยายามเรียนกับครูต่างชาติก่อนไป หรือฟังจากหนังหรือซีรีส์ที่เราสนใจ เพื่อให้คุ้นกับสำเนียง ซึ่งเราเองก็มั่นใจว่าภาษาอังกฤษของเราก็ไม่ได้แย่มากเพราะฉะนั้นก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหามากนักเมื่อถึงที่นู่นแล้ว

Q:  การเรียนที่ University of Otago Language Centre และการใช้ชีวิตที่นั่นเป็นแบบไหน?
University of Otago Language Centre มีบรรยากาศมหาวิทยาลัยร่มรื่นและอบอุ่น มีนักศึกษาจากหลากหลายประเทศเข้ามาเรียน โดยก่อนจะเริ่มเข้ามาเรียนที่นี้จะมีการสอบ Pre-test ทั้ง 4 skills ได้แก่ Reading, Writing, Speaking and Listening เพื่อแบ่งระดับภาษาของเด็กออกเป็น 5 ระดับ ได้แก่ Elementary, Pre-intermediate, Intermediate, Upper intermediate, Advance
หลังจากที่สอบเรียบร้อยแล้ว ทาง Language Centre จะแจกตารางเรียนตามระดับภาษาของห้องที่เราได้คัดเลือก ซึ่งตารางเรียนแตกต่างกันในแต่ระดับ โดยเฉพาะ 3 ระดับ นั่นคือ  Intermediate, Upper intermediate, Advance นั้นจะมีให้เลือกเรียน IELTS หรือ TOEIC ควบคู่ไปกับการเรียน General English ด้วย สำหรับเวลาเรียนขึ้นอยู่กับระดับเช่นเดียวกัน โดยส่วนใหญ่เวลาเรียนจะเริ่มประมาณ 9.00 หรือ 10.00 จนถึง 16.00 น. โดยตอนเริ่มต้นของเราเองได้ระดับ Elementary ซึ่งก็เข้าไปเรียนด้วยการปูพื้นฐานใหม่ทั้งหมด และตอนช่วง Intermediate เราเลือกเรียน IELTS เพราะจะได้ใช้สำหรับเรียนต่อ หรือเพื่อน ๆ ของเราบางคนที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย Otago ก็ย้ายไปเรียนในคอร์สอื่น ๆ เช่น Foundation programme, English for Otago สำหรับการประเมินระดับในแต่ละขั้น ทุกสัปดาห์หลังจากเรียนจบ 1 Unit จะมีการสอบ Post-test เพื่อเช็คความเข้าใจในทุกทักษะด้านภาษาอังกฤษ หากมีปัญหาทักษะด้านไหน ทาง Language centre เองก็มีการ support การเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้พัฒนา ทั้งห้องสมุด ห้องคอมพิวเตอร์ และคลินิกภาษาที่สามารถเข้าไปใช้ได้ตามช่วงเวลาที่สะดวก และด้วยความเป็นมหาวิทยาลัยนั้น ทำให้มีการประเมินด้วยการวัดทักษะภาษาอังกฤษ ทั้ง Grammar และ Vocabulary และ Reading, Writing, Speaking, Listening ในรูปแบบการสอบ Mid-term และ Final ในทุก ๆ 5 สัปดาห์ของเทอม ยิ่งรู้สึกให้บรรยากาศการเรียนเข้มข้นแบบนักศึกษาอีกครั้ง โดยทุกระดับจะใช้เวลาเรียน 1 เทอมหรือประมาณ 3 เดือน เพื่อผ่านไประดับขั้นที่สูงกว่า โดยการเรียนจบทุก ๆ ขั้นเราจะได้ Result ผลการเรียนเป็นเกรด E ถึง A+ และ Feedback ผู้เรียนในการเรียนระดับนั้น ๆ จากคุณครูที่สอนทั้งหมด  ด้วยตัวเราเองคิดว่าถ้าจะพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้านของเราให้แข็งแรงพอที่จะใช้ได้จริงๆ ก็ขอทุ่มเทกับสิ่งนั้นให้เต็มที่ เราจึงใช้เวลาเรียนภาษาอังกฤษกับที่ University of Otago Language Centre เป็นเวลา 1 ปีเต็ม จาก  Elementary ถึง Upper intermediate พร้อมทำกิจกรรมทุก ๆอย่างเหมือนเป็นนักศึกษา Otago แบบเต็มที่อีกด้วย

– สำหรับการใช้ชีวิตที่เมือง Dunedin นั้น เราอยู่ Host family ประมาณ 7 เดือน เพื่อให้ได้ใช้ภาษาและคุ้นเคยกับสำเนียงและเข้าใจถึงความเป็นอยู่ของคนท้องถิ่นที่นั่น ซึ่งเราจะเป็นเหมือนสมาชิกอีก 1 คน ทำให้เรามีส่วนร่วมกับกิจกรรมถือว่าเป็นการเรียนรู้ภาษาได้ดีมากอีกทางหนึ่ง หลังจากนั้นเราออกมาอยู่หอพักแบบนักศึกษามหาวิทยาลัย ทำให้ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้นในการดูแลตัวเอง ทั้งการใช้ชีวิตและการเรียน ซึ่งการเดินทางไป – กลับ นั้นสะดวกมาก ๆ ทั้งการใช้การนั่งรถบัสที่เราสามารถกะเวลาการเดินทางได้ตามรอบรถที่มา ราคารถบัสประมาณ 2 – 4 NZD หรือเลือกที่จะเดินไปเรียนประมาณ 5-10 นาทีในบางวัน เรื่องของอาหารการกินก็ไม่น่าเป็นห่วง เพราะอาหารและพวกผลไม้ โดยเฉพาะกีวี่ของนิวซีแลนด์อร่อยมาก แต่หากใครที่คิดถึงอาหารเอเซีย ทั้งอาหารไทย จีน เกาหลี ก็สามารถไปทานที่ร้านได้โดยปกติประมาณมื้อละ 15 – 25 NZD หรือจะซื้อไปทำกินเองก็มีร้านขายของเอเซียให้ได้ไปเลือกซื้อกันอีกด้วย รวมๆแล้วรายเดือนเฉลี่ยที่เราใช้ประมาณ 600 -1,000 NZD


Q: สุดท้ายการไปเรียนภาษาอังกฤษที่ University of Otago Language Centre ได้อะไรกลับมาบ้าง?
-นอกเหนือจากความรู้และทักษะการใช้ภาษาอังกฤษทั้ง 4 Skills ได้แก่ Speaking, Listening, Reading, Writing นั้น  สิ่งแรกที่ตอบได้เร็วที่สุดคือ ประสบการณ์และความประทับใจจากสถานที่ที่เราได้ไปอยู่มา มีทั้งความสุขและความสนุกที่ได้รู้จักกับเพื่อน ๆ จากต่างเชื้อชาติ เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์ จนเกิดเป็น Global Connection หรือการได้อยู่กับ Host family รู้และเข้าใจวัฒนธรรมจากคนท้องถิ่น บางเวลามีความเศร้าและคิดถึงครอบครัวที่เมืองไทยบ้าง แต่นั่นก็ถือเป็นความทรงจำที่มีค่ามาก ๆ นอกเหนือจากนี้เรายังได้ทักษะในการใช้ชีวิตอื่น ๆ เช่น self-development, self-study, responsibility, adaptability และอีกหลายทักษะที่สอดแทรกอยู่ในการไปครั้งนี้ ทำให้เราเติบโตขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง หลังจากที่กลับมาผู้เขียนเองก็ยังหวังว่าถ้ามีโอกาสก็อยากกลับไปสัมผัสการเรียนแบบนั้นอีกซักครั้งในประเทศอื่น ๆ

ดังนั้นใครที่กำลังสนใจจะไปเรียนภาษาอังกฤษ หรือภาษาอื่น ๆ ในต่างแดน ก็ขอให้อย่ากังวลกับการตัดสินใจ เพราะสิ่งนั้นจะทำให้คุณได้พัฒนาและสร้างโอกาสตัวเองมากขึ้นได้อย่างแน่นอน เหมือนสำนวนที่ว่า “ Knowledge has no limit ” “活到老 学到老” นั่นหมายความว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะคนเราต้องเรียนรู้ไปตลอดชีวิต

โดยปัจจุบันทาง APSthai เป็นตัวแทนมหาวิทยาลัย Top ของ New Zealand ทั้งหลักสูตร General English สำหรับพัฒนาภาษาอังกฤษในการเรียนหรือการทำงาน, หลักสูตรการเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย (Foundation Year) และระดับปริญญา (Undergraduate & Postgraduate) ได้แก่

– University of Otago และ University of Otago Language Centre and Foundation Year (UOLCFY) 

– Massey University

– University of Auckland  และ Auckland University of Technology (AUT) ที่ร่วมกับ Partner อย่าง UP Education ที่เชี่ยวชาญในการดูแลเด็กไปเรียนในแถบ Oceania อย่าง New Zealand และ Australia

สนใจเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ New Zealand สามารถติดต่อทางทีมงาน  APSthai ได้ที่ 084-320-1789 และ 083-179-9630 หรือ Line @apsthai ได้เลยนะคะ

APSthai : The Best Education In Your Own Version