ทำไมต้อง Study in Japan? เชื่อว่าหลายคนที่มีความชื่นชอบในภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ไม่ว่าจะผ่านการฟังเพลง การอ่านมังงะ หรือดูโดราม่าก็ตาม มีความใฝ่ฝันว่าสักครั้งในชีวิตอยากไปเรียนที่ญี่ปุ่น ทำให้ในทุก ๆ ปี ประเทศญี่ปุ่นจะเป็นจุดหมายปลายทางแรก ๆ ในเอเชียที่คนไทยอยากไปเรียนภาษาระยะสั้นที่ประเทศญี่ปุ่น หรืออยากไปศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะอยู่ในทวีปเอเชียก็ตาม แต่วัฒนธรรมนั้นก็มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนและมีความแตกต่างจากประเทศไทยอย่างมาก เพื่อให้คนที่สนใจจะไปร่ำเรียนที่ประเทศญี่ปุ่นได้รู้ประเทศญี่ปุ่นอย่างลึกก่อนตัดสินใจไป ทาง APSthai เลยโครงการ Study in Japan ที่จะช่วยให้คำแนะนำเรื่องการศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่น (Study in Japan) ให้กับบุคคลที่มีความสนใจ โดยจะเขียนบทความเพื่อให้ความรู้กับผู้ที่สนใจทั้งในด้านวัฒนธรรมญี่ปุ่น และการศึกษาญี่ปุ่นต่อไป

จากประสบการณ์เรียนภาษาญี่ปุ่นที่ไทยมาเกือบ 2 ปีในวัยทำงาน และได้ตัดสินใจมาเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ประเทศญี่ปุ่นกับสถาบันสอนภาษาญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า Sendagaya ได้เกือบ 1 ปีแล้ว ตอนนี้สอบผ่านระดับ N3 แล้ว ในบทความนี้จะมาเล่าประสบการณ์การเรียนที่นี่ให้ฟังค่ะ

  • สิ่งแวดล้อมเอื้อให้เราใช้ภาษาอยู่เสมอ

ก่อนสิ่งอื่นใดต้องเล่าก่อนว่าการเรียนภาษาญี่ปุ่นในประเทศญี่ปุ่นนั้นไม่เหมือนกับการเรียนภาษาญี่ปุ่นในประเทศไทยค่ะ เพราะถ้าเราไม่ได้มีสังคมหรือทำงานที่เกี่ยวข้องกับภาษาญี่ปุ่นเลย เราจะได้ฝึกฝนน้อยมาก ภาษาญี่ปุ่นไม่เหมือนกับภาษาอังกฤษที่เราเรียนมาตั้งแต่เด็กและมีความคุ้นชิน ภาษาญี่ปุ่นต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอถึงจะสามารถใช้ได้คล่องและใช้ได้ถูกวิธี อีกทั้งเพื่อนที่เรียนด้วยกันก็ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษหรือภาษาไทยได้ จึงเป็นเหตุผลที่เราจะต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นอย่างสม่ำเสมอ เราจึงคุ้นชินและใช้ภาษาญี่ปุ่นได้คล่องมากกว่าอยู่ที่ไทยค่ะ หรือเมื่อต้องออกไปนอกห้องเรียน เวลาไปทำธุระ ออกไปกินข้าว ซื้อของเราก็ต้องสื่อสารด้วยภาษาญี่ปุ่นเช่นกัน เพราะส่วนใหญ่แล้วคนญี่ปุ่นจะไม่พูดภาษาอังกฤษ เราจึงต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งวิธีนี้ทำให้เราต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นอยู่เสมอ เลยปฏิเสธไม่ได้ว่าต่อให้จะเก่งแล้วหรือไม่ก็ตาม ก็ต้องมีความกล้าที่จะใช้ภาษาเพื่อความอยู่รอด ถ้าไม่เข้าใจก็ต้องถาม เพราะอาจจะเกิดความเข้าใจผิดกันได้ง่าย แต่ถ้าเทียบกับเรียนในไทยแล้ว ทักษะการฟังและสื่อสารเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนค่ะ นอกเหนือจากประเด็นเรื่องการใช้ภาษาแล้ว เพื่อนในห้องก็มีส่วนทำให้เรามีไฟในการเรียนด้วย ถ้าเราเจอเพื่อนที่เก่งและใจดี เขาก็จะช่วยสอนเราและอธิบายได้ เมื่อเรามีสิ่งแวดล้อมที่ไปในทิศทางเดียวกัน เป้าหมายเดียวแล้ว เราก็จะไปถึงเป้าหมายเราได้ง่ายมากขึ้นค่ะ

  • หลักสูตรเอื้อให้เราไปถึงเป้าหมาย

การเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ญี่ปุ่นในช่วงแรกจะให้เราสอบวัดระดับและให้เราไปอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับตัวเอง และสอบเลื่อนขั้นไปเรื่อย ๆ โดยส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณครึ่งปี ก็จะมีให้ลงสอบ JLPT EJU และมีแบบสอบถามว่าเรามีเป้าหมายแบบไหน เช่น ผู้เขียนต้องการเรียนต่อปริญญาโท ก็จะถูกจัดอยู่ในชั้นเรียนที่เน้นติวสอบเพื่อสมัคร เช่น เรียนวิธีการเขียน Research Proposal ฝึกให้มีสอบสัมภาษณ์ ฝึกเขียนเรียงความทุกอาทิตย์ เพื่อให้เราคุ้นชินกับการเรียนในระดับที่เราต้องการ หลักสูตรเช่นนี้จะช่วยเน้นให้เรามุ่งไปที่เป้าหมายได้ง่ายมากขึ้น เรียนในส่วนที่จำเป็นและต้องใช้จริง ๆ เพราะฉะนั้นเราจะต้องฝึกฝนตัวเองให้เขียนได้ อ่านได้ พูดในเชิงสัมภาษณ์ได้ ฝึกให้เราคิดเป็นกระบวนการค่ะ เท่ากับว่า เรามีเป้าหมายแบบไหน ทางโรงเรียนก็สามารถสนับสนุนเราไปได้ค่ะ อีกทั้งคุณครูก็พยายามอธิบายให้เราเข้าใจเพราะเขารู้ดีว่านักเรียนแต่ละประเทศมีสิ่งที่ถนัดและไม่ถนัดตรงไหน อย่างนักเรียนคนไทยไม่ได้ใช้อักษรคันจิมาเท่าคนจีน คุณครูก็จะพยายามช่วยอธิบายให้เราเข้าใจวิธีการเขียนและวิธีการใช้ให้เราเข้าใจมากขึ้น

  • ได้เพื่อนใหม่จากหลากหลายประเทศและวัฒนธรรม

เมื่อต้องมาเรียนไกลบ้านคนเดียว สิ่งที่สำคัญก็คือเพื่อนค่ะ การมีเพื่อนที่ดีก็ช่วยให้เรามีคนที่จะปรึกษา ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน มาเรียนที่ญี่ปุ่น นอกจากจะได้เพื่อนในห้องที่ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ เช่น คนจีน คนรัสเซีย คนเวียดนาม และประเทศจากยุโรปแล้ว เรายังมีโอกาสได้รู้จักเพื่อนคนญี่ปุ่นมากขึ้นด้วย เพราะถ้าเราใช้ภาษาได้ ก็ยิ่งเปปิดโอกาสให้เราไปทำกิจกรรมที่นำพาให้เราไปรู้จักกับเพื่อนใหม่และสังคมใหม่ ๆ ด้วย วิธีนี้จะช่วยให้เราอยากจะฝึกฝนภาษาให้เก่งมากขึ้น เพราะเราก็อยากสื่อสารและทำกิจกรรมที่ท้าทายความสามารถของตัวเองมากขึ้น ผู้เขียนเองก็ได้รู้จักเพื่อนใหม่ ๆ เพิ่มจากการไปทำกิจกรรมอาสาสมัคร หรือไปทำงานพิเศษที่มีคนญี่ปุ่นทำงานด้วย หรือในคาบเรียนเพื่อนในห้องก็จะชวนไปกินข้าวและไปเที่ยวกัน ก็ทำให้เราหายเหงาได้ค่ะ นอกจากช่วยเรื่องคลายเหงาแล้ว ยังช่วยในเรื่องการฝึกฝนภาษาด้วย

ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความประทับใจส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่จริงแล้วยังมีเรื่องที่อยากจะมาเล่าให้ฟังอีกมากเกี่ยวกับการเรียนที่นี่และอยากจะแนะนำให้คนที่อยากเรียนภาษาญี่ปุ่นเหมือนกันได้มาเรียนเหมือนกับผู้เขียนค่ะ ถ้าสนใจอยากเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเรียนภาษา เรียนต่อปริญญาตรี ปริญญาโทและปริญญาเอก สามารถติดต่อมาที่ APSthai ได้เลยค่ะ