ระหว่างความดี ความร่ำรวย และ ความสุข … คุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกเลือกที่จะมีชีวิตแบบไหนครับ ?

ผมเคยได้ยินหลาย ๆ บ้าน สอนลูกว่า เป็นคนดีก็พอ อย่าไปหวังที่จะร่ำรวยเลย เพราะคนที่ร่ำรวยได้ส่วนใหญ่ก็ทำอะไรไม่ซื่อ ทำสิ่งที่ไม่สุจริต ทำอาชีพที่ไม่โปร่งใสกันทั้งนั้น

ผมเคยได้ยินหลาย ๆ บ้าน สอนลูกว่า ถ้าลูกมีเงินแล้วลูกก็จะมีทุกอย่าง อย่างน้อยถ้าชีวิตเราสุขสบาย ปัญหาในชีวิตก็จะเกิดน้อยมากหรือไม่ก็ไม่มีเลย ความดีความชั่วใคร ๆ ก็มีปะปนกันอย่าไปสนใจ

ผมเคยได้ยินหลาย ๆ บ้าน สอนลูกว่า ตัวเองมีความสุขก็พอ ไม่ต้องไปคิดถึงคนอื่นให้มันมาก ถ้าเราอยู่ของเราโอเค มันก็โอเคแล้ว ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องหนัก ไม่ต้องลำบาก

ผมไม่แน่ใจว่าความดี ความร่ำรวย หรือ ความสุข จะเป็นสิ่งที่ถูกเลือกมากกว่ากันในสังคมของเรา แต่คำถามที่ผมอยากจะถามก็คือ “เราจำเป็นต้องเลือกจริง ๆ หรือ?”

มันจะเป็นไปได้ไหมที่เราจะตั้งคำถามกันเสียใหม่ว่า “ทำอย่างไรชีวิตเราถึงจะมีทั้งความดี ความร่ำรวย และ ความสุข เกิดขึ้นไปพร้อม ๆ กัน?”

ความดี กับ ความร่ำรวย

คนส่วนใหญ่เชื่อว่า ความดี กับ ความร่ำรวย เป็นสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกัน เรามักเห็นภาพตามสื่อต่าง ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนที่เป็นคนดี ทำความดี แต่มีฐานะยากจน และในทางตรงกันข้าม เราก็มักจะได้ยินข่าวของคนร่ำรวย บริษัทใหญ่โตต่าง ๆ ที่ทำสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร ซึ่งนั่นทำให้หลาย ๆ คนตีความไปแล้วว่าถ้าชีวิตนี้อยากจะร่ำรวย ก็คงต้องทำแต่เรื่องไม่ดี ทำสิ่งที่ชั่วร้ายเท่านั้น และถ้าเลือกที่จะเป็นคนดี ก็อย่าไปหวังที่จะร่ำรวยได้เลย

ผมเพิ่งฟังปรมาจารย์ทางด้านการตลาด คุณ Philip Kotler ให้สัมภาษณ์เมื่อเร็ว ๆ นี้ คุณ Philip Kotler บอกว่า “ถ้าคุณลองมองดูดี ๆ บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จระดับโลก มีความร่ำรวยมหาศาลนั้น เกือบทั้งหมดทำธุรกิจที่เป็นประโยชน์ต่อผู้คน และสร้างสิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นบนโลก” ผมเชื่อว่าถ้าเราพิจารณาดูดี ๆ เราจะเห็นความจริงข้อนี้ครับ

ถ้าลองพิจารณาดี ๆ ว่าเงินมาจากไหน คำตอบคือเงินมาจากผู้คน ที่จ่ายให้กับเราเมื่อเราสนองความต้องการของเขาได้ เขาอยากกินข้าว เราขายข้าว เราก็ได้เงินเพราะเขาอยากกินข้าว เพราะฉะนั้น ถ้าตอบสนองความต้องการของผู้คนได้ เงินก็จะวิ่งมาหาเรา นี่คือหลักการง่าย ๆ

ซึ่งถ้าสิ่งที่เราทำเป็นสิ่งที่ดี ถ้าเป็น product ก็เป็น product ที่ตอบโจทย์และมีคุณภาพ ถ้าเป็น service ก็เป็น service ที่ใส่ใจดูแลและจริงใจ แน่นอนว่าสิ่งที่เราทำก็จะตรงกับความต้องการของผู้คน ผู้คนก็ต้องจ่ายเงินซื้อสิ่งที่เราทำ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความร่ำรวย เพราะยิ่งเราทำสิ่งดี ๆ มากขึ้นเท่าไร ใส่ใจคุณภาพสินค้า พัฒนาการให้บริการ มากขึ้นเท่าไร คนก็ยิ่งไหลมาเทมาเท่านั้น และนั่นหมายถึงเงินทองและความร่ำรวยที่จะตามมาเช่นกัน

ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราขายของไม่ดี เราโกงลูกค้า เราเอาเปรียบผู้คน แรก ๆ เราอาจจะได้กำไร แต่เมื่อคนรู้ว่าเรากำลังทำสิ่งที่ผิดที่ชั่วร้ายอย่างไร คนก็เลิกซื้อ คนก็ไม่มาหาเรา และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเงินที่จะเริ่มหดหาย ความร่ำรวยก็ย่อมไม่เกิดขึ้น

เพราะฉะนั้น เมื่อพิจารณาดูดี ๆ แล้ว ความดี กับความร่ำรวย ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ตรงข้ามกันเลย แต่กลับเป็นสิ่งที่ถือว่าอยู่ด้านเดียวกันเสียด้วยซ้ำไป ดังนั้น โจทย์ที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องตั้งร่วมกับลูก ๆ ก็คือ อะไรคือสิ่งดี ๆ อะไรคือความดีที่เขาจะทำได้เพื่อช่วยเหลือและตอบสนองความต้องการของผู้คนบนโลกให้มากที่สุด เกิดประโยชน์กับผู้คนให้มากที่สุด และนั่นจะนำมาซึ่งความร่ำรวยอย่างแน่นอน โดยไม่จำเป็นต้องโกงกินหรือเอาเปรียบใครเลย

เริ่มที่ความสุข

หลาย ๆ คนชอบตั้งเงื่อนไขว่า ชีวิตต้องมีสิ่งนั้นสิ่งนี้ก่อนถึงจะมีความสุขได้ หารู้ไม่ว่าจริง ๆ แล้วความสุขนั้นเป็นสิ่งที่เป็นจุดเริ่มต้น ไม่ใช่สิ่งที่ต้องรอให้เงื่อนไขต่าง ๆ ในชีวิตเกิดขึ้นพร้อมกันแล้วจึงจะมีความสุขได้

และจุดเริ่มต้นนั้น เริ่มจาก การได้ทำในสิ่งที่รักครับ

การได้ทำในสิ่งที่รักทุกวัน จริง ๆ นั่นก็มีความสุขแล้ว การหาตัวเองให้เจอว่าตัวเอง Born to be อะไร การตอบตัวเองให้ได้ว่ารักอะไร มีความหลงใหลกับอะไร แล้วได้ทำมันในทุก ๆ วันอย่างต่อเนื่อง ฝึกฝน เรียนรู้ ลงมือทำจนกระทั่งเก่งในสิ่งนั้น ทำสิ่งนั้นได้อย่างยอดเยี่ยม ลองถามตัวเองดูสิครับว่า แค่ชีวิตเป็นแบบนี้ทุก ๆ วัน นั่นก็มีความสุขที่สุดแล้ว โดยที่ไม่ได้ต้องรอให้เงื่อนไขอะไรใด ๆ เกิดขึ้นในชีวิตเลย

คุณพ่อคุณแม่ลองสังเกตดูสิครับ ช่วงเวลาที่ลูกของคุณพ่อคุณแม่มีความสุขมาก ๆ จริง ๆ แล้วมันไม่ได้มีเงื่อนไขอะไร เขาแค่อยู่กับสิ่งที่เขารัก อยู่กับสิ่งที่เป็นตัวเขาจริง ๆ แล้วเขาทำมันได้อย่างต่อเนื่อง แล้วก็รู้สึกดีใจภูมิใจที่ทำสิ่งนั้น ๆ ได้ดีขึ้นในทุกวัน ๆ นั่นแหละความสุข และชีวิตเราทุกคนควรเริ่มต้นที่ความสุขกับการได้ทำในสิ่งที่รักครับ

เมื่อความดี ความร่ำรวย และ ความสุข มาหลอมรวมกัน

สิ่งที่เรามีความสุข เป็นสิ่งที่เรา Born to be ที่เรารัก ที่เราหลงใหล ที่เราทำมันทุกวัน ๆ จนเราเก่ง จนตัวตนของเราชัดเจนว่า ถ้าเป็นเรื่องนี้ ต้องคนนี้ ถ้าเป็นสิ่งนี้ ต้องวิ่งมาหาบริษัทนี้ นั่นคือจุดที่ความสุขของเรา กำลังเชื่อมโยงกับความต้องการของผู้คนและโลกใบนี้ครับ สุดท้ายความสุขของเรา ได้สร้างประโยชน์ให้กับผู้คน ได้สร้างสิ่งดี ๆ ให้กับโลกใบนี้ กลายเป็นความดีงามที่เกิดขึ้น และแน่นอนว่าก็นำมาซึ่งความร่ำรวย เพราะผู้คนและโลกใบนี้ย่อมจ่ายให้กับคนที่ตอบสนองความต้องการของเขาได้ ย่อมจ่ายให้กับคนที่ทำประโยชน์และสร้างสิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นได้

และนี่คือจุดที่ความสุขของเรา ได้มาพบกับความดีและความร่ำรวยครับ เพราะฉะนั้นชีวิตที่ตื่นขึ้นมาทุกวัน ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุข เป็นความดีที่สร้างประโยชน์ให้ผู้อื่น และได้ความร่ำรวยไปพร้อม ๆ กันนั้น เป็นชีวิตที่เกิดขึ้นได้จริง และนั่นน่าจะเป็นเป้าหมายที่คุณพ่อคุณแม่ควรชวนให้ลูก ๆ คิดครับ

เราไม่จำเป็นต้องเลือกครับว่าจะเอาแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง ในเมื่อเราเลือกที่จะทำให้มันเกิดขึ้นพร้อม ๆ กันได้ ความดี ความร่ำรวย ความสุข ไม่มีอะไรที่อยู่ตรงข้ามกัน แต่มันคือเรื่องเดียวกันหากเราใช้ชีวิตและมีแนวคิดที่ถูกต้อง

เริ่มจากสิ่งที่รัก เริ่มจากความสุข ทำประโยชน์ตน ประโยชน์ผู้อื่น ทำความดี และความร่ำรวยก็จะตามมา ก็จะเป็นนำไปสู่ชีวิตที่ดีและมีความสุขอย่างไม่รู้จบ

เรามาสอนลูก ๆ ให้มีชีวิตที่ดีมีความสุข และร่ำรวยจากการทำความดี กันนะครับคุณพ่อคุณแม่ครับ