เราจะรู้ได้ยังไงว่าโรงเรียนที่เราเลือกคือโรงเรียนที่ดี แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าโรงเรียนไหนเหมาะสมกับลูกของเรา บทความนี้จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ตั้งคำถามที่เหมาะสมในเลือกโรงเรียนให้กับน้องๆกันครับ
สิ่งแรกที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องจำให้ขึ้นใจสำหรับการเลือกเรียนคือจะทำให้ยังไงให้ประสบการณ์ในการเรียนสำหรับลูกของเราเป็นเหมือนรางวัลให้มากที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นการเลือกโรงเรียนรัฐบาลหรือโรงเรียนเอกชนหรือการทำ Homeschool ไม่ว่าเราจะจ่ายค่าเรียนหรือไม่ก็ตาม การวางแผนอย่างรอบคอบคือสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนต้องทำครับ
ก่อนที่เราจะเข้าขั้นตอนที่ 1 ของการเลือกโรงเรียน
ผมอยากให้คุณพ่อคุณแม่ลองเขียน 5 สิ่งเราให้ความสำคัญที่สุดในการเลือกโรงเรียน? หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่เขียนเสร็จแล้วพับเก็บเอาไว้ก่อนนะครับ เพราะเราจะใช้สิ่งเหล่านี้แหละเป็นตัวอ้างอิงในการเลือกโรงเรียนให้ลูกของเรากันครับ
Step 1: Consider your child & your family (พิจารณาจากลูกและครอบครัวของเรา)
พิจารณาสิ่งที่เราต้องการให้โรงเรียนเตรียมให้กับลูกของเราก่อน ยกตัวอย่างเช่น เราโรงเรียนที่ support ภาษาที่ 3 ไหม? หรือ ต้องการคนดูแลลูกของเราเป็นพิเศษรึป่าว ให้เราเริ่มต้นคิดถึงสิ่งเหล่านี้ไว้ก่อนเลย
เพราะในท้ายที่สุดแล้วพ่อแม่คือคนที่รู้จักลูกดีที่สุด
คำถามที่เราแนะนำให้ถามจะมองผ่าน 3 สิ่งหลักคือ
- ความต้องการของเด็ก(Child’s needs)
- วิธีการเรียนรู้ของเด็ก(Child’s learning style)
- สถานที่ตั้งของโรงเรียน(Location of school)
ความต้องการของเด็ก (Child’s needs) ตัวอย่างคำถาม
Does your child need a more structured environment? OR less structured environment?
- เด็กต้องการสภาพล้อมที่คอยสั่งสอนหรือบงการให้เรียนรู้หรือไม่ หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้บังคับ?
Does your child need more individual attention?
- เด็กต้องการความสนใจส่วนตัวหรือไม่?
Does your child need more challenging work?
- เด็กต้องการการเรียนที่ท้าทายหรือป่าว?
วิธีการเรียนรู้ของเด็ก (Child’s learning style)
Does your child learn best by seeing how things work? OR by reading about how something works?
- เด็กเรียนรู้ได้ดีที่สุดผ่านการเห็นวิธีของการทำงานแต่ละอย่างใช่หรือไม่? หรือ เรียนรู้ผ่านการอ่านการทำงานหรือทฤษฏี?
Does your child learn best by listening? OR like to participate in discussion ?
- เด็กเรียนรู้ได้ดีที่สุดผ่านการฟังใช่ไหม? หรือชอบมีส่วนร่วมในการอภิปราย?
Is your child a logical or mathematical? Or musical or artistic?
- เด็กเป็นคนที่มีความคิดเป็นตรรกะหรือเป็นแบบนักดนตรีหรือศิลปิน?
Does your child like to learn in group? OR work alone?
- เด็กชอบเรียนรู้ผ่านการทำงานเป็นกลุ่มหรือทำงานคนเดียว ?
Location of school (สถานที่ตั่งของโรงเรียน)
How far are you willing to drive your child to school?
- ระยะทางไกลแค่ไหนที่เราเต็มใจที่จะขับรถไปส่งลูกเราที่โรงเรียน?
Do you want your child to go to a school near your after-school care? Near where you work? Near a close relative?
- เราต้องการให้เด็กไปโรงเรียนที่ใกล้กับการดูแลหลังเลิกเรียนไหม? ใกล้กับที่ทำงานของคุณพ่อคุณแม่ไหม? หรือใกล้กับญาติ?
Step 2 : Gather information about schools (รวบรวมข้อมูลของโรงเรียนให้ได้มากที่สุด)
ถ้าเรากำลังตัดสินใจที่จะซื้อรถดีๆสักคัน, ทีวีดีๆสักหนึ่งเครื่องหรือคอมพิวเตอร์ดีๆ เรามักจะถามจากเพื่อนหรือคนที่รู้จักเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อ นอกจากนั้นในทุกวันนี้ Internet ทำให้การหาข้อมูลทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายกว่าสมัยก่อน การเลือกโรงเรียนที่ดี(Best school) ก็สามารถใช้วิธีนี้ได้เช่นกันครับ การหาข้อมูลจาก website ที่น่าเชื่อถือ อย่างเช่น http://www.best-schools.co.uk เป็นต้น หรือการดู Youtube การอ่าน Brochure ของโรงเรียนก็เป็นอีกทางเลือกทีดีครับ
ความปลอดภัยและค่าครองชีพก็เป็นอีกเรื่องทีคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรจะมองข้าม สำหรับ Website ที่ผมแนะนำในการเช็คเรื่องความปลอด (Safety)กับค่าครองชีพ (Cost of living) คือ http://www.numbeo.com ที่สามารถเปรียบเทียบข้อมูลเหล่านี้ได้ที่ค่อนข้างละเอียดครับ
นอกเหนือจากผลงานและสภาพแวดล้อมของโรงเรียนที่เราต้องให้ความสำคัญแล้ว สิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กันเลยคือ หลักสูตร (Curriculum)และปรัชญา (Philosophy)ที่โรงเรียนใช้ในการสอนเด็ก กฏระเบียบและการบริการของโรงเรียน การดูแลเด็กแต่ละคน กรณีถ้าเด็กถูก bully หรือรังแกโรงเรียนมีวิธีการรับมือและจัดการอย่างไร?
กิจกรรมหลังเลิกเรียนหรือ Extracurricular activites ก็สำคัญในการเลือกโรงเรียนที่ดี โรงเรียนควรจะมี Extracurricula activities ที่ครอบคลุม เช่น กีฬา ชมรม การติวเสริมหลังเลิกเรียน หรือโปรแกรมเตรียมตัวสำหรับมหาวิทยาลัย(Admission test) การเตรียม interview ก็เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญด้วยครับ
คำถามที่เราแนะนำให้ถามจะเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ครับ
หลักสูตร (Curriculum)
What curriculum does school offer for student?
- โรงเรียนใช้หลังสูตรอะไรในการสอนนักเรียน?
What courses does the school offer in addition to the core subjects?
- มี course พิเศษที่เตรียมให้นอกเหนือจากวิชาหลักมั้ย?
Does the school have extracurricular activities that support what is taught?
- โรงเรียนมี extracurricula activites เตรียมให้เด็กหรือป่าว แล้วมีอะไรบ้าง?
Is there an effective English language acquisition program for children who need it?
- มีโปรแกรมภาษาอังกฤษสำหรับเด็กที่ภาษาไม่แข็งแรงหรือป่าว?
วิธีการเรียนรู้ (Approach to learning)
Does the school have a particular approach to teaching and learning (e.g., group projects, individual performance, frequent testing)?
- โรงเรียนมีแนวทางในการเรียนและการสอนแบบไหน (งานกลุ่ม งานเดี่ยว ทดสอบบ่อยแค่ไหน)
How large are the classes?
- จำนวนเด็กในห้องเยอะไหม?
ความสามารถทางด้านวิชาการ (Academic Performance)
How do the school’s test scores compare to those of other schools?
- คะแนนสอบเปรียบเทียบกับโรงเรียนอื่นๆ?
In the past few years, have test scores risen or declined?
- ในช่วงปีที่ผ่านคะแนนดีขึ้นหรือแย่ลง?
How does the school explain the rise or decline? How well have children similar to yours performed on these tests?
- โรงเรียนทำยังไงกับคะแนนที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง?
How many students leave the school before completing the last grade?
- มีนักเรียนกี่คนที่ลาออกก่อนจะเรียนจบ?
What special achievements or recognition has the school received?
- โรงเรียนได้รับรางวัลหรือการยอมรับอะไรเป็นพิเศษบ้างไหม?
กฏระเบียบเกี่ยวกับพฤติกรรม (Behavior policy)
What does the school do to help develop character and citizenship?
- โรงเรียนมีอะไรที่ช่วยพัฒนาลักษณะหรือบุคคลิกของเด็กบ้าง?
What is the discipline policy? How does the school handle students who misbehave?
- นโยบายความประพฤติ ? โรงเรียนจัดการเด็กที่มีพฤติกรรมไม่ดีอย่างไรบ้าง?
Does the school have a drug and alcohol abuse prevention program?
- โรงเรียนมีโปรแกรมที่ช่วยต่อต้านการเสพยาเสพติดหรือแอลกอฮอล์ไหม?
Do students wear uniforms?
- นักเรียนต้องใส่ชุดนักเรียนไหม?
ความปลอดภัย (Safety)
Is the school safe?
- โรงเรียนปลอดภัยหรือไม่?
How does the school prevent and handle problems with drugs, alcohol, and tobacco?
- โรงเรียนรับมือกับ ยาเสพติด แอลกอฮอล์ หรือบุหรี่อย่างไร?
How does the school prevent and handle violence, bullying, harassment, and other forms of abusive behavior?
- โรงเรียนรับมือกับความรุนแรง การกลั่นแกล้ง ทำร้ายร่างกายอย่างไร?
สิ่งที่โรงเรียนทำให้พิเศษ (Special offering)
What extracurricular activities does the school offer after school or on weekends?
- มี Extracurricular activities แบบไหนบ้างที่โรงเรียนเตรียมให้เด็กช่วงหลังเลิกหรือช่วงเสาร์-อาทิตย์?
สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการ (Facilities and services)
Is there a cafeteria, and does the school offer a nutritionally well-balanced lunch program? Breakfast program?
- ร้านอาหารที่โรงเรียนเสริฟอาหารที่มีสารอาหารที่ครบถ้วนหรือไม่? อาหารกลางวัน? อาหารเช้า?
Are there tutoring programs?
- มีโปรแกรมติวเสริมให้เด็กหรือไม่?
Are counseling services available to students?
- มีคนให้คอยให้คำปรึกษานักเรียนหรือไม่?
วิธีการสมัคร (Admission procedures for public schools of choice and private schools)
When is the application deadline?
- วันสุดท้ายของการยื่นใบสมัครคือเมื่อไหร่?
Is anything else required in the application (test scores, Interview, recommendations, application fees, etc.)
- อะไรบ้างที่โรงเรียนต้องการในการสมัคร (คะแนนสอบ, การสัมภาษณ์, จดหมายแนะนำจากโรงเรียน ค่าสมัคร อื่นๆ)
Step 3 : Visit and Observe schools
การติดต่อโรงเรียนที่เราสนใจและทำการนัดหมายเพื่อพาลูกของเราเข้าไปเยี่ยมชมโรงเรียนคือสิ่งที่คัญมากๆ เพราะการเยี่ยมชมโรงเรียนจะทำให้เด็กๆได้สัมผัสบรรยากาศและประสบการณ์การเรียนจริงๆ ก่อนที่จะสมัครเข้าไปเรียน โดยช่วงเวลาที่เราแนะนำในการทำ Visitหรือเยี่ยมชมมากที่สุดคือ ช่วงที่โรงเรียนเปิดเทอมปกติและถ้ามีโอกาสให้ขอเข้าไปเยี่ยมในห้องเรียนด้วย ช่วงที่ไม่เหมาะกับหรือควรหลีกเลี่ยงคือช่วงอาทิตย์แรกหรืออาทิตย์สุดท้ายเพราะเป็นช่วงOrientationกับช่วงสอบครับ
วิธีที่ดีที่สุดถ้าเราต้องการถามคำถามในช่วงที่เราไปเยี่ยมโรงเรียน ให้ทำนัดกับ school principal กับเด็กที่เรียนในโรงเรียน ถ้าเป็นไปได้ให้เข้าร่วมงาน open house ของโรงเรียน หรือถ้าเรามีโอกาสได้คุยกับคุณครูก็จะช่วยให้เราเห็นมุมมองของโรงเรียนที่กว้างมากยิ่งขึ้น เพราะคุณครครูคือคนที่ใกล้ชิดกับลูกเราที่สุด เราต้องการที่รู้ว่าครูมีความตั้งใจที่จะสอนและมีความสุขกับงานที่ทำแค่ไหน
คำถามที่เราแนะนำให้ถามจะเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ครับ
วัฒนธรรม (Culture)
How are the students with diveres learning needs (e.g. students with disabilities and students with limited English proficiency) treated?
- โรงเรียนมีวิธีการดูแลเด็กที่มีความต้องการที่หลากหลายอย่างไรบ้าง เช่น ถ้าเด็กมีความพิการหรือภาษาไม่แข็งแรง ?
Do the teachers appear to be helpful and friendly?
- คุณครูที่โรงเรียนดูมีน้ำใจและใจดีหรือไม่?
ผู้อำนวยการ (Principal)
How does the principal respond to parental concerns/ complaint?
- ครูใหญ่จัดการกับปัญหาหรือเรื่องร้องเรียนยังไงบ้าง
คุณครู (Teachers)
Do teachers share the course content and objectives with parents?
- คุณครูมีการแชร์เนื้อหาและจุดประสงค์ในการสอนให้กับผู้ปกครองมั้ย?
Do teachers assign homework? Is it rigorous? Frequent? Sufficient?
- คุณครูให้การบบ้านบ่อย เข้มข้น และเพียงพอมั้ย?
Do teachers have the skills and knowledge to address students with special learning needs?
- คุณครูมีทักษะหรือความรู้ในการรับมือกับเด็กพิเศษหรือไม่?
Do teachers have high expectations for all students to achive to high academic standards?
- คุณครูมีความคาดหวังอย่างสูงที่จะให้เด็กทุกคนประสบความสำเร็จด้านการเรียน?
Do the teachers know the individual students in their classes?
- คุณครูรู้จักเด็กแต่ละคนในห้องไหม?
นักเรียน (Students)
What is the attendance rate for students?
- อัตราการเข้าเรียนของเด็กที่โรงเรียน?
What do students say about homework? about teacher ? about school?
- เด็กๆพูดถึงการบ้านว่าอะไร? พูดถึงคุณครูว่าอย่างไร ? พูดถึงโรงเรียนว่าอย่างไร ?
Step 4: Apply to the schools you choose (สมัครเข้าเรียนตามโรงเรียนที่เราเลือกไว้)
หลังจากที่เราเลือกโรงเรียนดีและเหมาะสมกับลูกเราที่สุดได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปเด็กๆจะต้องเข้าสู่กระบวนการสมัครตามโรงเรียนที่เราเลือก ผู้ปกครองควรพิจารณาเลือกสมัครมากกว่า 1 โรงเรียนเพื่อโรงเรียนที่เลือกเป็นอันดับแรกไม่สามารถเข้าได้
เด็กจะต้องเริ่มกระบวนการสมัครให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อที่จะทำให้มั่นใจว่าเราไม่พลาด deadline ของการสมัคร
การสมัครหรือ Admission process จะแตกต่างกันตามแต่ละโรงเรียน บางโรงเรียนอาจจะใช้ข้อสอบ standard test อย่าง CAT4, ISEB หรือบางโรงเรียนอาจจะใช้ข้อสอบของโรงเรียน(Entrance test) ซึ่งเรื่องนี้จะต้องเช็คให้เรียบร้อยก่อนที่จะสมัครครับ
Checklist สำหรับการสมัคร
- โรงเรียนไหนบ้างที่เราต้องการสมัครคือโรงเรียนอะไรบ้าง?
- Deadline ของการสมัครแต่ละโรงเรียนคือวันไหนบ้าง?
- เอกสารอะไรบ้างที่โรงเรียนต้องการ ( Transcript, English proficiency result, letter of recommendation, etc)
- เราจะรู้ผลการสมัครประมาณช่วงไหน?
- ต้องตอบรับ offer ภายในวันไหน?
Congratulation ยินดีด้วยครับ !
แสดงความยินดีด้วยครับ !
สำหรับการวางแผนเรื่องของการศึกษาของน้องๆมาจนถึงจุดนี้ เด็กๆจะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลจากการที่คุณพ่อคุณแม่เข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผนเรื่องการศึกษาและอนาคตของเด็กๆ การที่ผู้ปกครองตั้งใจหาข้อมูลให้เพียงพอ การพูดคุยกับเพื่อนที่รู้จัก การไปเยี่ยมโรงเรียน และการทำความเข้าใจเป้าหมายและจุดประสงค์ของแต่ละหลักสูตร แต่ละประเทศ ก็จะช่วยทำให้เรามั่นใจว่าโรงเรียนที่เราเลือกจะทำให้ลูกๆของเราเหมาะสมและจะช่วยส่งเสริมให้เด็กให้เดินไปอย่างมั่นคงได้อย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทาง เด็กๆจะต้องฝึกฝน ทำงานหนักและหาสิ่งที่ตัวเองอยากทำให้เจอ เพื่อที่ในท้ายที่สุดแล้วประสบความสำเร็จในแบบฉบับของตัวเองครับ