ทำไมต้อง Study in Japan? เชื่อว่าหลายคนที่มีความชื่นชอบในภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ไม่ว่าจะผ่านการฟังเพลง การอ่านมังงะ หรือดูโดราม่าก็ตาม มีความใฝ่ฝันว่าสักครั้งในชีวิตอยากไปเรียนที่ญี่ปุ่น ทำให้ในทุก ๆ ปี ประเทศญี่ปุ่นจะเป็นจุดหมายปลายทางแรก ๆ ในเอเชียที่คนไทยอยากไปเรียนภาษาระยะสั้นที่ประเทศญี่ปุ่น หรืออยากไปศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะอยู่ในทวีปเอเชียก็ตาม แต่วัฒนธรรมนั้นก็มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนและมีความแตกต่างจากประเทศไทยอย่างมาก เพื่อให้คนที่สนใจจะไปร่ำเรียนที่ประเทศญี่ปุ่นได้รู้ประเทศญี่ปุ่นอย่างลึกก่อนตัดสินใจไป ทาง APSthai เลยโครงการ Study in Japan ที่จะช่วยให้คำแนะนำเรื่องการศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่น (Study in Japan) ให้กับบุคคลที่มีความสนใจ โดยจะเขียนบทความเพื่อให้ความรู้กับผู้ที่สนใจทั้งในด้านวัฒนธรรมญี่ปุ่น และการศึกษาญี่ปุ่นต่อไป
สำหรับน้อง ๆ ที่อยากไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่น นอกจากผลการสอบ JLPT ที่วัดระดับภาษาญี่ปุ่นแล้ว มหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นหลายที่ยังขอผล EJU อีกด้วย แต่หลาย ๆ คนอาจจะไม่คุ้นเคยกับการสอบ EJU เท่าไร เรา Study in Japan จะพาไปทำความรู้จักเพื่อให้น้อง ๆ ได้เตรียมตัวและไม่พลาดโอกาสในการไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นกันค่ะ
EJU คืออะไร?
EJU หรือ Examination for Japanese University Admission for International Students คือการสอบเพื่อศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่น เพื่อวัดระดับความสามารถภาษาญี่ปุ่นและวิชาการสําหรับนักศึกษาชาวต่างชาติที่ต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีและอุดมศึกษาในประเทศญี่ปุ่น
EJU สำคัญอย่างไร?
ผลการสอบของ EJU มีความสำคัญ 3 ประการ
- ใช้ประกอบการสมัครเข้าอุดมศึกษาในประเทศญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นเราต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามหาวิทยาลัยที่เราสมัครนั้นจำเป็นต้องใช้ผล EJU หรือไม่
- ผู้ที่มีคะแนนสูง สามารถยื่นขอทุนช่วยเหลือการศึกษาได้ โดยที่ JASSO จะเป็นคนติดต่อไปที่น้อง ๆ โดยตรงในตอนที่ทราบคะแนน
- ใช้ทดแทนเกรดเฉลี่ยในการสมัครทุนรัฐบาลญี่ปุ่นได้
วิชาที่จัดสอบมีอะไรบ้าง?

การจัดสอบ EJU เป็นแบบไหน?

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการสอบ EJU
- การสมัครสอบ EJU ไม่ใช่การสมัครเข้าสถานศึกษา
- มหาวิทยาลัยรัฐบาลมากกว่าร้อยละ 90 ใช้ผลคะแนน EJU เพื่อคัดเลือกรับนักศึกษาต่างชาติเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี
- ผลสอบ EJU สามารถใช้ได้ทั้งในหลักสูตรญี่ปุ่นและอังกฤษ
- สมัครสอบกี่ครั้งก็ได้ แต่ผลการสอบมีอายุ 2 ปี
- ไม่จําเป็นต้องสอบทุกวิชา แต่ต้องเลือกวิชาและเลือกภาษาในการทําข้อสอบตามที่มหาวิทยาลัยที่เราต้องการไปเรียนกำหนดไว้
- สำหรับวิชาภาษาญี่ปุ่นมีระดับความยากเทียบเท่า JLPT ระดับ N2 และกําหนดให้สอบส่วนข้อเขียน (เฉพาะในบางสาขา) เพราะฉะนั้นต้องตรวจสอบให้ดีก่อนค่ะ
สมัครสอบ (สนามสอบที่กรุงเทพฯ)
- JASSO สํานักงานประเทศไทย สามารถสมัครได้ที่สํานักงานฯ ในวันทําการ
- สมาคมนักเรียนเก่าญี่ปุ่นฯ สามารถสมัครได้ที่สํานักงานฯ ทั้ง 3 สาขาและทางไปรษณีย์
สถานที่จัดสอบ
- สมาคมนักเรียนเก่าประเทศญี่ปุ่นในพระบรมราชูถัมภ์ (ส.น.ญ.) สาขาพหลโยธิน
สมัครสอบ (สนามสอบที่เชียงใหม่)
- สมาคมนักเรียนเก่าญี่ปุ่นฯ สาขาภาคเหนือ
สถานที่จัดสอบ
- คณะมนษุยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หากน้อง ๆ ที่ต้องการไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น อยากให้วางแผนกันล่วงหน้าอย่างน้อย 1 ปี เพื่อเตรียมเอกสารและถ้ามีสอบ JLPT และ EJU ด้วยจะได้เตรียมตัวได้ทันนะคะ เพราะถ้าคะแนนไม่ดีก็จะหมดสิทธิ์ในการสอบทันทีค่ะ และต้องเสียเวลาเพื่อยื่นในรอบถัดไปแทน หากใครที่สนใจสามารถติดต่อทีมงานได้เลยค่ะ