ทำไมต้อง Study in Japan? เชื่อว่าหลายคนที่มีความชื่นชอบในภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ไม่ว่าจะผ่านการฟังเพลง การอ่านมังงะ หรือดูโดราม่าก็ตาม มีความใฝ่ฝันว่าสักครั้งในชีวิตอยากไปเรียนที่ญี่ปุ่น ทำให้ในทุก ๆ ปี ประเทศญี่ปุ่นจะเป็นจุดหมายปลายทางแรก ๆ ในเอเชียที่คนไทยอยากไปเรียนภาษาระยะสั้นที่ประเทศญี่ปุ่น หรืออยากไปศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะอยู่ในทวีปเอเชียก็ตาม แต่วัฒนธรรมนั้นก็มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนและมีความแตกต่างจากประเทศไทยอย่างมาก เพื่อให้คนที่สนใจจะไปร่ำเรียนที่ประเทศญี่ปุ่นได้รู้ประเทศญี่ปุ่นอย่างลึกก่อนตัดสินใจไป ทาง APSthai เลยโครงการ Study in Japan ที่จะช่วยให้คำแนะนำเรื่องการศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่น (Study in Japan) ให้กับบุคคลที่มีความสนใจ โดยจะเขียนบทความเพื่อให้ความรู้กับผู้ที่สนใจทั้งในด้านวัฒนธรรมญี่ปุ่น และการศึกษาญี่ปุ่นต่อไป

อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า ประเทศญี่ปุ่นมี 4 ฤดู ประกอบไปด้วยฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว

  • ฤดูใบไม้ผลิ หรือ 春 (haru) จะเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม อุณหภูมิ 2° ถึง 24° องศา
  • ฤดูร้อน หรือ 夏 (natsu) จะเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม อุณหภูมิ 16° ถึง 30° องศา
  • ฤดูใบไม้ร่วง หรือ 秋 (aki) จะเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน อุณหภูมิ 7° ถึง 27° องศา
  • ฤดูหนาว หรือ 冬 (fuyu) จะเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมถึงมีนาคม อุณหภูมิ -6° – 20° องศา

คนญี่ปุ่นนั้นให้ความสำคัญกับทุกฤดูอย่างมาก เพราะในแต่ฤดู ธรรมชาติรอบข้างก็จะมีความสวยที่แตกต่างกันไป เพราะฉะนั้นต่อให้อยู่ตลอดทั้งปีก็ไม่มีเบื่อ แต่ทุกคนสงสัยไหมว่าทำไมประเทศญี่ปุ่นถึงไม่มีฤดูฝน? ทั้งที่ญี่ปุ่นก็มีฝนตกเป็นระยะเวลาประมาณหนึ่งพอที่จะเรียกว่าฤดูฝนเช่นกัน ที่จริงแล้วประเทศญี่ปุ่นจะไม่นับว่ามีฤดูฝนค่ะ แต่ช่วงเวลาที่ฝนตกบ่อยจะเรียกว่า 梅雨 หรือ tsuyu โดยที่ตัวคันจิคำว่า 梅 มีความหมายว่า ‘บ๊วย’ และคันจิคำว่า 雨 มีความหมายว่า ‘ฝน’ หรือที่เรียกว่า plum rain ค่ะ เหตุผลที่เรียกว่า plum rain ก็เพราะว่าเป็นฤดูเก็บเกี่ยวบ๊วยนั่นเองค่ะ ซึ่ง 梅雨 จะเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ไปจนถึงเดือนกรกฎาคมในทุกปี โดยฝนแบบนี้จะเกิดขึ้นในประเทศเอเชียตะวันออก อย่างเช่น ประเทศจีน ประเทศเกาหลีและประเทศญี่ปุ่นค่ะ ด้วยช่วงเวลาที่สั้นมาก เลยไม่ถูกนับเป็นหนึ่งในฤดูของประเทศญี่ปุ่นค่ะ

เมื่อพูดถึงฝนแล้ว แต่เดิมผู้เขียนไม่ได้ชอบฤดูนี้เท่าไร เพราะรู้สึกเฉอะแฉะและท้องฟ้าก็ไม่สดใส เมื่อเทียบกับฤดูอื่นในประเทศญี่ปุ่นแล้ว การแต่งตัวในฤดูฝนก็นับว่ายากมาก เพราะอากาศไม่ได้เย็นขนาดจะใส่เสื้อผ้าหนา ๆ และก็ไม่ร้อนขนาดจะใส่เสื้อผ้าที่บาง บางครั้งในตอนเช้าอากาศดี แต่พอตกบ่ายก็ฝนตกหนักและก็อากาศเย็นขึ้น จะนัดหมายกับใครก็ลำบากเพราะฝนอาจจะตกหนักถึง 90% ทำให้ลำบากมากค่ะ แต่ถึงกระนั้นแล้ว หน้าฝนที่ญี่ปุ่นก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบนะคะ มีคนเคยบอกกับผู้เขียนว่าถ้าได้รู้จักหน้าฝนที่ญี่ปุ่นแล้ว จะชอบขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเห็นด้วยค่ะ ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ตามถนนสองข้างทางเริ่มมีดอกไม้ที่ไม่พบเจอในช่วงฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ ดอกซากุระร่วงหล่นไปหมดแล้ว และได้ถูกเปลี่ยนเป็นฤดูกาลของดอกไม้ชนิดใหม่ ซึ่งดอกไม้ชิดนี้จะพบเห็นได้แค่ในเดือนมิถุนายนหรือในช่วงหน้าฝนของญี่ปุ่นเท่านั้น ดอกไม้ที่ผู้เขียนกล่าวถึงก็คือ ‘ดอกไฮเดรนเยีย’ หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่าดอกอะจิไซ (アジサイ) นั่นเอง ดอกอะจิไซถือเป็นตัวแทนของหน้าฝนเพราะฉะนั้นเราจะพบเห็นดอกอะจิไซเริ่มผลิบานสองข้างทาง ทั้งสีขาว สีเขียว และสีม่วง และยิ่งถ้าฝนตกและดอกอะจิไซชุ่มฉ่ำไปด้วยฝนด้วยแล้ว ยิ่งเป็นภาพที่สวยงามมากค่ะ

และภาพที่เห็นอยู่ด้านบนนี้ ก็คือดอกอะจีไซหรือไฮเดรนเยียที่พบเห็นได้ทั่วไปในประเทศญี่ปุ่น และในหลาย ๆ ที่ก็ได้จัดเทศกาลชมดอกไฮเดรนเยียให้เข้าไปชมความกันได้ฟรี ๆ โดยในแต่ละที่ก็จะมีไฮเดรนเยียที่มีสายพันธุ์ที่แตกต่างกันไป สามารถเข้าไปถ่ายภาพและชื่นชมกับบรรยากาศได้ฟรี ถ้าใครที่มีโอกาสได้มาเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นในฤดูฝน อย่าเพิ่งผิดหวังไปนะคะ เพราะมีความสวยงามที่เทียบกันไม่ได้ หากจะมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นในช่วงนี้ ก็ขอให้มั่นใจว่าเตรียมชุดกันฝน ร่มที่แข็งแรง และกระเป๋าที่กันน้ำมาด้วยนะคะ แต่ถ้าไม่อยากเอาร่มมาไม่เป็นเพราะตามร้านสะดวกซื้อย่างแฟมิลี่มาร์ทมีขายในราคาเพียงแค่ 600 เยนเท่านั้นค่ะ

เตรียมตัวมาให้พร้อมและรักษาสุขภาพให้ดีก็เพียงพอค่ะ