ในที่สุด Imperial College London ก็ตัดสินใจแล้วว่า สำหรับคนที่จะเรียน Medicine ที่ Imperial ในปี 2025 จะต้องสอบ UCAT ในปี 2024 เป็นการใช้ UCAT แทน BMAT หลังจากที่ใช้ BMAT มาตลอด ความเปลี่ยนแปลงนี้ จะมีผลต่อคนที่วันนี้อยู่ Year 12/Grade 11 ที่ต้องยื่น UCAS ปีหน้าและจะเข้าเรียนในปี 2025

หลังจากที่มีประกาศเมื่อปีที่แล้วว่า BMAT จะมีการสอบในปี 2023 นี้เป็นปีสุดท้าย Imperial ถือว่าเป็น University ที่ 3 ที่ตัดสินใจใช้ UCAT แทน BMAT หลังจากที่ University 2 ที่ ที่ตัดสินใจไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น คือ Leeds และ Keele ได้ตัดสินใจใช้ UCAT ตั้งแต่ปี 2023 นี้เพื่อพิจารณารับนักเรียนที่จะเข้าเรียนปี 2024

เท่ากับว่า ตอนนี้เหลืออีก 5 Medical Schools ที่ปกติใช้ BMAT แต่ยังไม่ได้ประกาศออกมาว่าจะใช้อะไรแทน สำหรับนักเรียนที่จะไปเรียนในปี 2025 ได้แก่ Brighton and Sussex, Cambridge, Lancaster, Oxford, และ UCL

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ จะส่งผลต่อการเตรียมตัวของคนที่จะเรียนหมอที่ UK อย่างไรบ้าง เรามาวิเคราะห์กัน

ความแตกต่างของ BMAT กับ UCAT

BMAT และ UCAT นั้นมีเป้าหมายในการวัด Skills ของคนที่จะเข้าไปเรียนหมอ ที่ค่อนข้างแตกต่างกัน เราสามารถพิจารณาเรื่องนี้ได้จาก ข้อสอบแต่ละส่วนว่ามีอะไรบ้าง

สำหรับ BMAT นั้น ข้อสอบแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่

  • Thinking Skills วัด Problem Solving Skills และ Critical Thinking Skills
  • Scientific Knowledge and Applications วัด Interpretation Skills กับ Problem Solving Skills ผ่านความรู้ระดับ IGCSE ในวิชา Math, Physics, Chemistry, Biology
  • Writing Task วัด Writing Skills และ Communication Skills

ส่วน UCAT นั้น ข้อสอบแบ่งออกเป็น 5 ส่วน ได้แก่

  • Verbal Reasoning วัด Reasoning Skills คู่กับ Literacy Skills
  • Decision Making วัด Analytical Skills
  • Quantitative Reasoning วัด Reasoning Skills คู่กับ Numeracy Skills
  • Abstract Reasoning วัด Reasoning Skills คู่กับ Observation Skills และ Formation Skills
  • Situational Judgement วัด Critical Thinking Skills

เราจะเห็นว่า BMAT นั้นแม้จะให้ความสำคัญกับเรื่องของ Skills บางอย่าง แต่ก็เน้นเรื่องของความรู้ในวิชาที่เกี่ยวข้องที่เป็นพื้นฐานสำหรับการเรียนหมอ นั่นคือ Math และ Science ในขณะที่ UCAT นั้น แทบไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นเลย แต่กลับให้ความสำคัญกับเรื่องของ Skills ในด้านการเข้าใจเรื่องของเหตุผล นั่นคือ Reasoning Skills เป็นหลัก และเน้นการใช้ Reasoning Skills ประกอบกับ Skills อื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย ซึ่งเป็น Skills สำคัญมาก ๆ ที่คนเป็นหมอทุกคนจะต้องมี

เรื่องนี้หมายความว่าอย่างไร

ใน Universities ทั้ง 8 แห่งที่ใช้ BMAT นั้น มี 4 แห่งที่ถือว่าเป็น Top 5 Universities ที่ UK นั่นคือ Oxford, Cambridge, Imperial, UCL ซึ่งไม่น่าแปลกใจที่ 4 ที่นี้จะใช้ BMAT เพราะ 4 ที่นี้ ให้ความสำคัญกับความรู้ทาง Math และ Science เป็นอย่างมากมาแต่ไหนแต่ไร

เราเคยถาม Oxford และ Cambridge เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ตอนที่เราไปเยี่ยม University ของเขาว่า ในเมื่อ BMAT จะถูกยกเลิกแล้ว เขาจะใช้ UCAT แทน BMAT ไหม คำตอบที่เราได้ ณ ตอนนั้นคือ คิดว่าน่าจะไม่ใช้ เพราะเขายังเชื่อในข้อสอบที่วัด Skills ควบคู่ไปกับความรู้ใน Math และ Science อยู่ ซึ่งสุดท้ายเขาอาจจะต้องออกแบบข้อสอบใหม่ของตัวเองที่มีความใกล้เคียงกับ BMAT แน่นอนว่า เรื่องนี้จะยังสรุปไม่ได้ จนกว่าเราจะได้เห็นประกาศอย่างเป็นทางการของพวกเขาจริง ๆ

อย่างไรก็ดี การได้ยินคำตอบแบบนั้นจาก Oxford และ Cambridge ณ วันนั้น ทำให้เราคิดไปว่า Imperial และ UCL ที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง Math and Scientific Knowledge ขนาดไม่ต่างกับ Oxford และ Cambridge ก็คงจะทำคล้าย ๆ กัน เพราะฉะนั้น การตัดสินใจล่าสุดของ Imperial ที่หันมาใช้ UCAT นั้น ทำให้เราค่อนข้างแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง

ซึ่งนั่นอาจตีความได้ว่า … คนที่ Universities เหล่านี้ต้องการ อาจต้องมีคุณสมบัติที่แตกต่างไปจากเดิม

เขาอาจไม่ต้องการหมอที่เน้นเรื่อง Math and Scientific Knowledge อีกต่อไป แต่ต้องการหมอที่มี Skills ในการเป็นหมอจริง ๆ ซึ่งสามารถวัดได้จากข้อสอบ UCAT นั่นเอง

ต่อจากนี้ คนจะเรียนหมอที่ UK ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

แม้เราจะยังไม่รู้ว่าอีก 5 Medical Schools จะตัดสินใจใช้อะไรแทน BMAT แต่สิ่งที่คนจะเรียนหมอที่ UK โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่วันนี้อยู่ Year 12/Grade 11 ลงไป ต้องเริ่มพิจารณาได้แล้วก็คือ

  • UCAT หรือข้อสอบแนว UCAT จะเป็นสิ่งที่มีน้ำหนักในการพิจารณามากขึ้น ขอให้ใครก็ตามที่อยู่ Year 12/Grade 11 และอยากเรียนหมอที่ UK เริ่มเอาข้อสอบ UCAT มาฝึกฝนได้เลยตั้งแต่วันนี้ (คำเตือน : อย่าสมัครสอบ UCAT ถ้ายังไม่ใช่ปีที่จะยื่นคะแนน เพราะเขาเขียนไว้ในเว็บไซต์ชัดเจนว่า เขาไม่สนับสนุนให้ทำเช่นนั้น ถ้าถูกจับได้ เขาอาจพิจารณาลงโทษ ถ้าจะซ้อมให้ซ้อมจากข้อสอบเก่า)
  • Universities ต่าง ๆ น่าจะให้ความสำคัญกับคุณสมบัติของการเป็นหมอมากกว่าเดิม เพราะฉะนั้น ใครอยู่ Year 12 ให้ใช้ 1 ปีที่เหลือนี้ หา Experience และ Super Curricular Activities ต่าง ๆ ให้มากที่สุดเพื่อฝึกฝนตนเอง เพิ่มประสบการณ์ให้ตนเอง และค้นหาตนเองให้เจอว่า เรามีความเหมาะสมกับการเป็นหมอจริง ๆ
  • คอยติดตามข้อมูลจาก Universities ต่าง ๆ อยู่เสมอ ว่าเขาจะมีเปลี่ยนแปลงเกณฑ์ในการรับเข้าอย่างไรบ้าง สิ่งที่รู้ในวันนี้ วันพรุ่งนี้อาจไม่จริงแล้วก็ได้ เพราะฉะนั้น ให้คอยเช็คอยู่เสมอ ๆ
  • เข้าไปอ่านเรื่องของ NHS (National Health Service) ของ UK ด้วย เพื่อให้รู้ว่าคุณสมบัติของหมอที่เขาต้องการคืออะไร และนั่นคือสิ่งที่เขาจะมองหาจากตัวเราใน Application ของเรา

สุดท้ายนี้ ลองถามตัวเองว่า ตัวเราเองใช่สิ่งเหล่านี้หรือไม่

  • เราสนใจเรื่อง Science ของร่างกายคน เป็นเรื่องที่เราเรียนรู้ได้อย่างสนุกสนานและไม่รู้จักเบื่อ
  • เรารักที่จะดูแลผู้คน ด้วยตัวเราเองอย่างใกล้ชิด ด้วยความรัก ความเห็นใจ อย่างไม่รังเกียจ และไม่แบ่งแยก
  • เราพร้อมเสียสละเพื่อคนอื่น เป้าหมายชีวิตของเราคือคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้คนทั้งหลาย

ถ้าสิ่งเหล่านี้คือความสุขของเรา ถ้าเรา Born to be ที่จะเป็นหมอ ถ้าเรามี Passion ที่จะเป็นหมอ ถ้าเรามีเป้าหมายชีวิตที่จะเป็นหมอ ไม่ว่าการคัดเลือกจะยากขึ้นแค่ไหน หรือเปลี่ยนแปลงไปเพียงใด เราจะยังสามารถเข้าไปเรียนได้ และจบออกมาเป็นหมอที่ดีได้เสมอ

ขอให้ทุกคนที่เกิดมาเพื่อเป็นหมอ ได้เป็นหมอที่ดี อย่างที่ตั้งใจนะครับ

APSthai : The Best Education In Your Own Version