“เขายังเด็กเกินไปค่ะ ไปตอนนี้ยังดูแลตัวเองไม่ได้หรอก”

นี่คือหนึ่งในคำพูดที่เราจะได้ยินกันบ่อยที่สุด เมื่อเรากำลังให้คำแนะนำว่า น้องเขาโตพอแล้วที่จะไปเรียนต่อที่อังกฤษได้ ซึ่งสำหรับพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเขา เห็นเขาเติบโตมาตั้งแต่เด็ก ๆ ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ไม่ว่าเขาจะโตแค่ไหนแล้ว ก็จะยังรู้สึกว่าเขาเป็นเด็กอยู่เสมอ

การไปเรียนต่อที่อังกฤษนั้น สามารถไปได้หลายชั้นปีมาก ที่เป็นที่นิยมที่สุดสำหรับสังคมไทยเรา คือไปตอน Master Degree เพราะสำหรับหลาย ๆ ครอบครัวนี่คือจุดที่ถือว่าเด็กคนหนึ่งโตพอที่จะไปเรียนต่อได้แล้ว อย่างไรก็ดี ก็ยังมีหลาย ๆ บ้านที่กล้าตัดสินใจให้ลูกไปได้ตอน Bachelor Degree หรือแม้กระทั่งไปเรียนต่อในระดับโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็น Year 12, Year 10, Year 9, Year 8, Year 7 หรือในชั้นปีที่เล็กกว่านั้น

หลัง ๆ มานี้มีครอบที่ตัดสินใจให้ลูกไปเรียนต่อที่อังกฤษช่วง Year 9 คืออายุ 13 ปีเต็มขึ้นไปมากขึ้น และบ่อยครั้งที่จุดเริ่มต้นคือความหวั่นใจ ว่าลูกจะเอาตัวรอดได้ไหม แต่พอไปอยู่ได้ไม่กี่เดือน ความรู้สึกต่าง ๆ ของพ่อแม่ก็เริ่มเปลี่ยนไป

โรงเรียนดี ๆ ในอังกฤษทุกโรงเรียน เมื่อเด็ก ๆ เขาไปอยู่ในฐานะของเด็ก Boarding คือเรียน กิน นอน ใช้ชีวิตที่โรงเรียน สิ่งที่จะตามมาเสมอคือเรื่องของกฎระเบียบ และเรื่องของการรักษาเวลา ตื่นนอน ทานข้าว เข้าเรียน เลิกเรียน ทำกิจกรรม ทบทวนบทเรียน ทำการบ้าน เวลาส่วนตัว เข้านอน ทุกอย่างจะถูกกำหนดเวลาเอาไว้หมด เพราะฉะนั้นสิ่งที่เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้เป็นอย่างแรกก็คือ การจัดการเวลาส่วนตัว และ การจัดการลำดับความสำคัญในชีวิต

หลาย ๆ โรงเรียนที่มีความโดดเด่นด้านวิชาการ ก็จะมีระบบการสอบวัดผลที่ค่อนข้างถี่ บางที่คือทุกสัปดาห์ เพื่อทำให้เด็ก ๆ ต้องตื่นตัวและตั้งใจเรียนอยู่เสมอ หลาย ๆ คนมีผลการเรียนที่ดีขึ้นกว่าตอนอยู่ที่เมืองไทย แถมบรรยากาศของการอยู่ร่วมกันที่นั่นก็เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เพราะเมื่อเด็ก ๆ ทุกคนตั้งใจจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ทุกคนจึงกลายเป็นคนที่ขยันขึ้น ตั้งใจมากขึ้น ดูแลตัวเองได้ดีขึ้น

เด็กหลาย ๆ คนได้เพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นมากมายในชีวิต ทั้งคนไทยด้วยกันเองและชาวต่างชาติ ที่จนเรียนจบไปแล้วก็ยังติดต่อกัน ชวนกันทำอะไรดี ๆ เด็กหลาย ๆ คนจากที่ไม่มีความมุ่งมั่นอะไร พอได้ไปเห็นโอกาสต่าง ๆ ได้ไปเยี่ยมชม University ดี ๆ ที่โรงเรียนพาไป ได้ฟังบรรยายจากคนเก่ง ๆ ในวงการต่าง ๆ ได้ไปศึกษาดูงานตามที่ที่ไม่มีโอกาสจะได้ไปถ้ายังอยู่ที่เมืองไทย เขาก็กลายเป็นคนที่มีเป้าหมายในชีวิตมากขึ้น รับผิดชอบชีวิตได้ดีขึ้น

และที่สำคัญที่สุด ตอนเขาอยู่เมืองไทย เขามีคุณพ่อคุณแม่และมีใครต่อใครดูแลมากมาย แต่พอต้องไปอยู่ที่อังกฤษคนเดียว บางอย่างที่ไม่เคยทำเอง ก็ต้องหัดทำให้เป็น เก็บที่นอน ล้างจาน ซักผ้า ทำความสะอาดห้อง เรื่องเหล่านี้ที่มีคนทำมาให้ตลอดทั้งชีวิต ในที่สุดก็ทำเป็นเสียทีเมื่อไปเรียนที่อังกฤษ และนี่เองที่ทำให้ต่อจากนี้ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม เขาก็จะรับผิดชอบดูแลชีวิตของตัวเองได้แล้ว

“เขาโตขึ้นมากเลยค่ะ คุณพ่อคุณแม่หมดห่วงแล้ว”

นี่คือความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนจบของหลาย ๆ บ้าน หลังจากที่ส่งลูกไปเรียนต่อที่อังกฤษแล้ว อย่างไรก็ดี ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้มี 2 ข้อใหญ่ ๆ

อย่างแรก ยิ่งไปเร็วแค่ไหน เด็ก ๆ ก็จะมีโอกาสได้เรียนรู้และเติบโตเร็วขึ้นเท่านั้น ถ้าพร้อมไปตั้งแต่ Year 7 (อายุ 11 ปี) สามารถไปได้เลย ถ้ารอโตอีกสักหน่อย ชั้นปีที่เหมาะสมมาก ๆ คือ Year 9 (อายุ 13 ปี) แต่ถ้าเลยจุดนี้ไปแล้ว Year 12 (อายุ 16 ปี) ยังเป็นอีกจุดที่สามารถพิจารณาได้

อย่างที่สอง โรงเรียนที่ลูกเราจะไปต้องเป็นโรงเรียนที่ดี ไม่ใช่โรงเรียนอะไรก็ได้ เพราะสุดท้ายลูกของเราจะดูแลตัวเองได้ดีขึ้น และมีชีวิตที่ดีขึ้นหรือไม่ สังคมที่เขาไปอยู่มีส่วนสำคัญมาก ๆ

โรงเรียนที่ดีมีหลายโรงเรียน ทั้งเด่นเรื่องการเรียน เด่นเรื่องกิจกรรม เด่นเรื่องการใช้ชีวิต คุณพ่อคุณแม่เข้ามาพูดคุยเพิ่มเติมกับทีมงานของ APSthai เพื่อหาโรงเรียนที่ดีที่สุดให้กับลูก ๆ นะครับ