ถ้าถามว่าจะต้องเตรียมตัวนานแค่ไหนก่อนจะเรียนมหาวิทยาลัยใน UK ที่จริงแล้วถ้านำตัวเองไปอยู่ในโรงเรียนที่ดีและสามารถดูแลเราได้ดีพอตั้งแต่เด็กยิ่งเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะสามารถเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัย Top ในประเทศอังกฤษได้ แต่ถ้าไม่สามารถไปตั้งแต่เด็กได้ อย่างน้อยในช่วง IGCSE ควรได้อยู่ในโรงเรียนที่ดี เราจึงมักแนะนำให้คนที่สนใจไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่อังกฤษไปเรียน IGCSE ในโรงเรียนที่ Top เพื่อที่จะได้รับการสนับสนุนที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น โอกาสที่จะเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีก็จะเพิ่มขึ้นมากด้วย เหตุผลที่เป็นเช่นนี้เพราะมหาวิทยาลัยยิ่ง Top มากเท่าไร ก็จะสนใจโปรไฟล์ของเรามากขึ้นเท่านั้น ตั้งแต่ด้าน Academic และ Born to be ซึ่งมหาวิทยาลัยใน UK มองเกรดย้อนไปจนถึงในช่วง IGCSE เลย เพราะฉะนั้นถ้าเราทำคะแนนไว้ไม่ดีแต่แรกก็จะทำให้เรามีโอกาสน้อยลง ในบทความนี้จะมาบอก Check list ที่ควรต้องรู้และเตรียมเอาไว้ก่อนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย Top ในประเทศอังกฤษค่ะ

Academic เราเป็นเลิศหรือยัง?

ไม่ว่าจะที่ไหนบทโลกใบนี้ หากอยากจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพมาก ๆ สิ่งที่ทางมหาวิทยาลัยจะขอดูก่อนเลยคือ ‘ผลการเรียน’ ซึ่งเป็นตัววัดระดับความสามารถด้านวิชาการของเราได้ดี ผลการเรียนเปรียบเสมือนหน้าบ้านที่เราทำไว้ให้สวย เพื่อให้คนที่เห็นอยากเข้ามาพิจารณาเราต่อว่าเรามีคุณสมบัติพอหรือไม่ นอกจากในเรื่องเรียนแล้ว ถ้าเรามีผลการเรียนที่ดี มันบ่งบอกได้ว่าเรามีความตั้งใจกับเรื่องเรียนมากแค่ไหน อีกทั้งยังสามารถบอกได้อีกว่าเรามีทักษะที่สำคัญ เช่น ความรับผิดชอบ ความสม่ำเสมอในการเรียน และการแบ่งเวลา เป็นต้น เพราะถ้าเรามีผลการเรียนที่ดีเสมอ แปลว่าเรามีความมุ่งมั่นและตั้งใจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมหาวิทยาลัย Top ใน ประเทศอังกฤษต้องการคนแบบนี้ โดยที่เวลาจะสมัครเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ จะต้องยื่นผลการเรียนตั้งแต่ในระดับ IGCSE และที่สำคัญ Predicted Grade ใน A-Level เพราะฉะนั้นเราควรเลือกวิชาที่เหมาะสมกับเรามาตั้งแต่ในระดับ IGCSE เพื่อให้เราสามารถประเมินได้ว่าวิชาไหนเหมาะสมและจะได้ไปต่อในระดับ A-Level เพราะในการเลือกวิชา A-Level ต้องเลือกให้สอดคล้องกับคอร์สที่เราสนใจจะเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลับด้วย การเลือกวิชาให้คลอบคลุมตั้งแต่ IGCSE จะช่วยอย่างมาก เราจึงแนะนำให้ทุกคนทำ Career Test ก่อน เพื่อให้เลือกวิชาที่เหมาะสมกับเราจริง ๆ เพราะการเรียนวิชาที่ตัวเองไม่ชอบและไม่ถนัดก็ส่งผลให้เราทำคะแนนในวิชานั้นได้ไม่ดี และเมื่อจะยื่นให้กับทางมหาวิทยาลัยก็จะเสียโอกาสไปได้ อีกทั้งการเลือกวิชาที่ถูกต้อง และทำคะแนนได้ดีอย่างสม่ำเสมอ มันบ่งบอกได้ว่าเรานั้น Born to be ในเรื่องนั้นมากแค่ไหนด้วย ถ้าหากในตอนนี้ยังรู้สึกว่าวิชาที่ตัวเองเลือกไม่เหมาะสมหรือโรงเรียนที่ตัวเองเรียนอยู่ไม่ได้เอื้อให้เรามีเกรดที่ดีมากพอจะยื่นเข้ามหาวิทยาลัยแนะนำให้เข้ามาคุยกันเพื่อวางแผนการเรียนต่อไปค่ะ

รู้ตัวหรือยังว่าเรา Born to be ด้านไหน?

นอกจากด้าน Academic ที่มีความสำคัญแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยคือด้าน Born to be หากอยากเข้ามหาวิทยาลัย Top ในประเทศอังกฤษแล้ว สิ่งที่ต้องโชว์ให้ทางมหาวิทยาลัยเห็นเลยก็คือเรานั้น Born to be ในสิ่งที่เราสนใจเรียนมากแค่ไหน เราเหมาะสมกับคอร์สนี้มากแค่ไหน โดยผ่านการเขียน Personal Statement ซึ่งเราต้องไปทำอะไรที่สอดคล้องกับสิ่งที่เรานั้น Born to be ด้วย ไม่ใช่แค่นั่งเทียนเขียนเอาเอง เพราะสุดท้ายแล้วทางกรรมการก็จะดูออกว่าเราพูดไม่จริง แล้วกิจกรรมอะไรบ้างที่จะช่วยให้เรารู้ว่าตัวเอง Born to be อะไร? เริ่มง่าย ๆ จากการอ่านหนังสือค่ะ และเป็นสิ่งเดียวที่ไม่มีข้อกำหนด เราจะอ่านเยอะแค่ไหนก็ได้ อยากรู้มากแค่ไหนก็ได้ และทำได้ทุกที่ทุกเวลา เมื่ออ่านหนังสือจนรู้ใจตัวเองแล้ว ลองไปทำกิจกรรม Super Curricular เช่น ไปเรียน Summer ใน Career ที่เราสนใจ ไม่ว่าจะเป็นด้านไหนที่เราก็สามารถแนะนำสถานที่และคอร์สดี ๆ ให้ได้ค่ะ หรือไปทำกิจกรรมที่ยิ่งโชว์ความสนใจไปอีกอย่างเช่น ลองไป Debate ไปแข่งขัน หรือไปลงสัมมนาที่ไม่ได้มีใครบังคับ เมื่อทำกิจกรรมเหล่านี้เสร็จแล้ว กลั่นกรองออกมาให้ได้ว่าเราได้อะไรบ้างจากการไปทำกิจกรรมเหล่านั้น แล้วมันทำให้เรามั่นใจได้อย่างไรว่าเรานั้น Born to be ในเรื่องนั้นจริง ๆ ถ้าเราสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ Personal Statement ของเราก็มีพลังมากพอที่จะดึงดูดให้กรรมการสนใจและเลือกเราเข้าไปพิจารณาค่ะ

ถ้ามาถึงตรงนี้แล้วยังรู้สึกว่าเราขาดเหลือไปในบางเรื่องก็แนะนำให้เข้ามาคุยกันนะคะ เพราะไม่ว่าจะเป็นด้าน Academic หรือ Born to be เราช่วยแนะนำและช่วยให้ทุกคนไปถึงปลายทางที่ตัวเองต้องการได้ค่ะ เพราะเราอยากให้ทุกคนได้มี The best education in your own version. ค่ะ